globe

EN

arrow-down

ชิตชนก ไชยแสนสุรินธร : โค้ชโจและโคราชทำให้ผมกลับมามีความสุขกับฟุตบอลอีกครั้ง

Thai League ร่วมพูดคุยกับ ชิตชนก ไชยแสนสุรินธร ถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา และแรงผลักดันที่ทำให้กลับมาอยู่ในเส้นทางลูกหนัง

ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการค้าแข้งในเมืองไทยของเขา แม้ว่าที่ผ่านมาแฟนบอลไทยลีกหลายคนอาจลืมชื่อไปแล้วด้วยซ้ำ

ชิตชนก ไชยแสนสุรินธร ดาวเตะลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์-สปป.ลาว กลับมามีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง ภายใต้ศาสตร์ลูกหนังของ “โค้ชโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น และครอบครัวฟุตบอลที่อบอุ่นอย่างนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี

ชีวิตลูกหนังที่ยากจะคาดเดากับประสบการณ์ในการค้าแข้งหลายทีมในไทยลีก วันนี้ ชิตชนก ไชยแสนสุรินธร กำลังไปได้สวยในสีเสื้อสวาทแคท Thai League ร่วมพูดคุยกับเขาถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา และแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เขากลับมาอยู่ในเส้นทางลูกหนังในเมืองไทยอีกครั้ง

Thai League : คุณกับโตโยต้า ไทยลีก เกือบจะกลายเป็นเส้นขนานกันไปแล้ว เพราะเหตุใดคุณจึงเลือกกลับมาสู้ต่อที่เมืองไทยอีกครั้งกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี

ชิตชนก : อย่างที่แฟนบอลรู้กันว่าผมอยู่เมืองไทยมาหลายปี แต่ผมกลับไม่ค่อยได้รับโอกาส เอเยนต์ส่วนตัวของผมที่อยู่สวิตเซอร์แลนด์ เขาบอกว่าให้ผมลองกลับมาเล่นที่ลีกรองของสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้ง เพราะผมเคยเล่นอยู่ที่นั่น เผื่อจะมีอะไรดีขึ้น

จริง ๆ แล้วผมไม่ได้ท้อกับการค้าแข้งในเมืองไทยนะ ผมอยากเล่นฟุตบอลที่เมืองไทย แต่ไม่ได้โอกาสลงสนาม เอเยนต์ของผมอยากให้กลับไปค้าแข้งที่สวิตเซอร์แลนด์ ผมจึงกลับไปที่นั่นโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิด

เพราะด้วยเรื่องของสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ โปรแกรมฝึกซ้อมที่หนัก ช่วงแรกผมได้ลงสนาม และมีช่วงที่ผมได้หยุด มันทำให้ผมคิดถึงเมืองไทยมาก ๆ

ทางสโมสรให้ผมหยุดซ้อมแค่สองวัน ช่วงนั้นผมจึงเลือกเดินทางกลับมาพักผ่อนที่เมืองไทย มานอนแค่คืนเดียวก็ยังดี

ผมรู้สึกว่าที่นั่นซ้อมหนักมาก จนทำให้ผมเริ่มมีอาการบาดเจ็บ และเป็นที่มาของการเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริง แน่นอนหลังจากนั้นผมไม่ได้ลงสนามเลย

แต่สาเหตุที่ผมได้กลับมาที่เมืองไทยอีกครั้งเป็นเพราะ มิลอส โจซิค (อดีตกุนซือนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี)

ผมติดต่อกับมิลอสตลอด เขาต้องการตัวผมตั้งแต่ผมเล่นอยู่ที่สุพรรณบุรี เอฟซี แล้ว เขาอยากได้ผมมาร่วมทีมที่นครราชสีมา

มิลอส โจซิค รู้ว่าผมมีอาการบาดเจ็บติดตัว แต่เขายังเชื่อมั่นในตัวผมและอยากได้ตัวผมมาก ๆ เขาบอกว่าถ้าผมอยากกลับไทยให้ติดต่อมาได้เลย

Thai League : จุดเปลี่ยนสำคัญในเส้นทางอาชีพค้าแข้งของคุณ เกิดจากการได้เซ็นสัญญากับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เมื่อปี 2018 ช่วยเล่าย้อนไปในตอนนั้น

ชิตชนก : อย่างแรกที่ผมกลับมาค้าแข้งในไทยกับโคราช เพราะ มิลอส โจซิค ตอนนั้นผมไม่ค่อยได้ลงสนามเพราะอาการบาดเจ็บ แฟนบอลบางคนอาจจะคิดว่ามิลอสไม่ให้ผมเล่น นั่นไม่ใช่เรื่องจริง แต่เรื่องจริงคือเพราะผมบาดเจ็บ

เมื่อจบฤดูกาล 2019 สัญญาของผมกับทีมหมดลง ผมบอกผู้บริหารในทีมโคราชว่าจะรอข้อเสนอจากที่นี่ที่เดียวเท่านั้น แต่พวกเขาบอกว่าทีมยังไม่มั่นใจเรื่องเฮดโค้ชคนใหม่ ซึ่งผมอยากค้าแข้งต่อกับโคราชมาก ๆ ผมอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกสบายใจ

Thai League : ดูเหมือนว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องของคุณ ปัจจัยใดที่ทำให้คุณเลือกนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี

ชิตชนก : ตอนแรกผมไม่ได้รับการต่อสัญญาใหม่กับโคราช แต่ผมบอกกับผู้จัดการทีมว่าผมอยากอยู่ที่นี่ ผมอยากทุ่มเทให้กับทีมนี้ ถ้าโค้ชโจ (ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น โค้ชคนใหม่ของนครราชสีมาฯ ในตอนนั้น) ต้องการตัวผมก็มาบอกผมด้วย จากนั้นโค้ชโจก็ติดต่อกลับมา

โค้ชโจเป็นคนดึงผมกลับมาในวันที่โคราชไม่ได้ต่อสัญญาผม แม้ว่าผมจะไม่เคยร่วมงานกับเขามาก่อน ต้องขอบคุณโค้ชโจที่ให้โอกาสผม

Thai League : หนึ่งในบุคคลสำคัญที่ทำให้คุณกลับมามีฟอร์มการเล่นที่ดีอีกครั้ง คือ โค้ชโจ ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เขาสร้างความมั่นใจให้คุณอย่างไรบ้าง

ชิตชนก : โค้ชโจเป็นโค้ชรุ่นใหม่ เขาเปิดใจรับฟังลูกทีมทุกคน เราได้ทำความรู้จักกัน ตอนผมกลับจากสวิตเซอร์แลนด์

เราสองคนได้พูดคุยกัน ผมขอบคุณโค้ชโจมาก ๆ ที่แสดงความเชื่อมั่นในตัวผม เพราะว่าถ้าไม่มีโค้ชโจ ผมคงไม่ได้กลับมาค้าแข้งในเมืองไทยอีก

ผมรู้สึกว่าเวลาที่ผมคุยกับโค้ชโจ เหมือนผมได้คุยกับเพื่อนชาวต่างชาติคนหนึ่ง เขาเป็นคนใจกว้างมาก เขามั่นใจในผม ผมมั่นใจในตัวเขา

เขาจะบอกกับผมตรง ๆ ในทุกเรื่อง บางครั้งหลังเกมเราคุยกันเขาจะบอกให้ผมพักผ่อน เขารู้ว่าจะดูแลผมอย่างไร ในสนามซ้อมเขาจะมาบอกผมว่าควรทำแบบไหน ผมบอกกับเขาว่าผมโคตรรักเขาเลย (หัวเราะ) เขาเป็นโค้ชคนหนึ่งที่ช่วยให้ชีวิตนักฟุตบอลของผมในเมืองไทยดีขึ้นได้

Thai League : ชื่อของ ชิตชนก กลับมาเป็นที่พูดถึงของแฟนบอลอีกครั้ง คุณคิดว่าอะไรอยู่เบื้องหลังจุดเปลี่ยนสำคัญในครั้งนี้ แรงกระตุ้นของโค้ชโจที่มีต่อคุณ

ชิตชนก : หลัก ๆ เลยคือเขาเชื่อมั่นในตัวผมทั้งในสนามซ้อมและแข่งขันจริง เขาบอกผมว่าปีนี้ต้องเป็นปีของผม ทุกประตูที่ผมยิงได้ ผมจะวิ่งไปหาเขาเสมอ โค้ชโจเป็นคนที่รักฟุตบอลมาก ๆ เราเป็นคนที่มีแพสชั่นเหมือนกัน

นอกจากนั้นเพื่อนร่วมทีมที่นี่ก็ดีกับผมมาก โดยเฉพาะกัปตันเหลิม (เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว) ก็เป็นอีกคนที่สร้างความเชื่อมั่นให้ตัวผม เขาพยายามให้ผมเป็นตัวของตัวเอง เล่นตามแบบฉบับของชิตชนก

Thai League : คุณกลับมาเล่นฟุตบอลได้อย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้งที่นครราชสีมา สโมสรแห่งนี้มีความพิเศษอย่างไรบ้าง

ชิตชนก : โคราชเป็นทีมที่อยู่กันแบบครอบครัว เมื่อเราได้เล่นในสนามเหย้า จะมีแฟนบอลเข้ามาเชียร์และให้กำลังใจเยอะมาก

ผมสนุกกับชีวิตลูกหนังที่นี่ ผมแคร์เพื่อนร่วมทีมมาก ๆ ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไรกับผม

Thai League : ก่อนเริ่มซีซั่นนี้ (2020-21) คุณได้ตั้งเป้าหมายส่วนตัวของคุณอย่างไรบ้าง

ชิตชนก : ผมอยากลงสนามช่วยทีมให้ต่อเนื่องที่สุด เพราะตั้งแต่ค้าแข้งในเมืองไทยผมไม่เคยได้ลงสนามต่อเนื่องเลย ทุกอย่างที่ผมมีตอนนี้ก็เพราะโค้ชโจ ถ้าไม่มีโค้ชโจ ไม่มีใครเห็นผมในทีมโคราชแน่นอน

ผมรู้สึกว่ามีความมั่นใจมากขึ้น มั่นใจในตัวเอง โค้ชและเพื่อนร่วมทีมมั่นใจในตัวผม

Thai League : แน่นอนว่าฤดูกาลนี้คุณทำผลงานได้ดีที่สุดนับตั้งแต่คุณค้าแข้งในเมืองไทย ชิตชนกในวันวาน กับชิตชนกในวันนี้ มีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง

ชิตชนก : ผมรู้สึกปล่อยวางมากกว่านะ ปล่อยวางเรื่องบางเรื่องที่ผมเห็นแล้ว (หยุดคิด) ปล่อยไปดีกว่า ไม่เก็บทุกเรื่องมาคิดเหมือนแต่ก่อน ผมจะไม่กดดันตัวเองอีก และจะทุ่มเททำงานหนักต่อไป

Thai League : เป้าหมายส่วนตัวของคุณนับจากนี้

ชิตชนก : ปีนี้ผมยิงไป 4 ประตู 1 แอสซิสต์ จริง ๆ ผมว่าเป็นตัวเลขที่น้อย สำหรับผมรู้สึกพอใจ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากยิงประตูให้มากกว่านี้ อยากมีส่วนร่วมกับทีม ผมเป็นคนทุ่มเทเพื่อทีมอยู่แล้ว

Latest

31 Oct 2023

ศิลปิน-ลูกหนัง : นาราภัทร งดงาม (มหาสารคาม เอสบีที)

thai league

None
Read morearrow-right

20 Oct 2023

Every 5 Games : รวมมิตรสถานการณ์หลังผ่าน 5 เกมแรกศึกปุ๋ยรุ่งอรุณ ลีก

thai league

None
Read morearrow-right

13 Oct 2023

จากบางระกำถึงทุ่งรังสิต : ศรัญยู มังสา (มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ)

thai league

None
Read morearrow-right