ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม : จากเจลีก...สู่ดาวรุ่งความหวังทีมชาติไทย

ท่ามกลางเหล่าแนวรุกต่างชาติที่กระหน่ำประตูเป็นว่าเล่นบนศึกโตโยต้า ไทยลีก 2020 เขาคือนักเตะไทยเพียงไม่กี่คนที่ติดชาร์ตดาวซัลโวด้วยจำนวน 7 ประตู

ในวัย 23 ปี ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม หอบประสบการณ์ในการไปค้าแข้งในศึกเจลีก 3 กับทีมเอฟซี โตเกียว U23 เมื่อปี 2019 กลับมาแบบเต็มเปี่ยม ก่อนนำมาพัฒนาตัวเองจนก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักในทีมทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้

Thai League มีโอกาสพูดคุยกับ ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม กองหน้าฟอร์มแรงของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ถึงเบื้องหลังผลงานอันยอดเยี่ยม, เป้าหมายในฤดูกาลนี้ และความฝันในการกลับไปค้าแข้งในต่างแดนอีกครั้ง ร่วมติดตามไปพร้อม ๆ กับเรา

Thai League : นี่คือการลงสนามในลีกสูงสุดของเมืองไทย หลังจากไปเก็บประสบการณ์ค้าแข้งที่ญี่ปุ่น คุณคิดว่าอะไรคือความแตกต่าง ระหว่าง ฟุตบอลญี่ปุ่น กับฟุตบอลไทย

ณัฐวุฒิ : ผมคิดว่าฟุตบอลญี่ปุ่นมีความรวดเร็วโดยเฉพาะการเพรสซิ่ง ทั้งเกมรุกและเกมรับ ผมได้ประโยชน์อย่างมากมายกลับมา ฟุตบอลที่นั่นทำให้ผมรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง และจะนำมาปรับใช้กับทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

Thai League : ก่อนโตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาล 2020 จะเริ่มต้นขึ้น มาโน โพลกิ้ง (อดีตกุนซือแบงค็อก) สร้างความเชื่อมั่นในตัวคุณอย่างไรบ้าง

ณัฐวุฒิ : โค้ชมาโนสร้างความมั่นใจและให้โอกาสผมลงสนามตลอด ตั้งแต่เกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นมาจนถึงเปิดฤดูกาล 2020 เขาบอกให้ผมไม่ต้องกดดันอะไรทั้งนั้น แม้ว่านี่จะเป็นก้าวแรกบนลีกอาชีพของผม เขาให้อิสระในการเล่นกับผม และมักกระตุ้นให้ผมโชว์ศักยภาพของตัวเองออกมาให้เต็มที่

Thai League : จากนั้นทีมมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเฮดโค้ชด้วยการแต่งตั้ง “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน เข้ามาคุมทีม คุณคิดว่าความแตกต่างระหว่างมาโนกับโค้ชแบนคืออะไร

ณัฐวุฒิ : ผมคิดว่า มาโน โพลกิ้ง ทำฟุตบอลสไตล์เน้นเกมรุก และลูกเซ็ตพีซ ส่วน โค้ชแบน พยายามจะเน้นเรื่องการยืนตำแหน่งทุกตำแหน่งครับ ถ้าฟุตบอลอยู่ตรงนี้ เราจะขยับอย่างไร ผมมองว่าทั้งสองคนมีความแตกต่างกันครับ คนละสไตล์ด้วย

Thai League : คุณกำลังเกาะกลุ่มดาวซัลโวแข้งไทยในตอนนี้ (7 ประตู) เคล็ดลับฟอร์มอันยอดเยี่ยมของคุณในปีนี้คืออะไร

ณัฐวุฒิ : ผมพยายามทำเต็มที่ในทุกจังหวะการเล่นครับ ไม่ว่าจะเป็นการลงไปช่วยเล่นเกมรับ การเพรสซิ่ง อีกจุดหนึ่งผมมองว่าองค์ประกอบของทีมดีอยู่แล้วด้วยครับ ทั้งฝั่งซ้าย-ขวา เช่น วานเดอร์ หลุยส์ และ เฮแบร์ตี้ แฟร์นันเดส รวมถึงพี่ ๆ ในตำแหน่งกองกลางครับ พวกเขาเชื่อมั่นในตัวผม และกล้าที่จะส่งบอลให้ผมได้เล่น ไม่กลัวว่าเราจะทำเสียบอล

Thai League : การได้ลงสนามเคียงข้างนักเตะต่างชาติอย่าง วานเดอร์ หลุยส์ และ เฮแบร์ตี้ แฟร์นันเดส คุณคิดว่าคุณได้ประโยชน์อะไรบ้างจากพวกเขา

ณัฐวุฒิ : ผมต้องบอกว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมโชคดีด้วยที่ได้เล่นกับสองคนนี้ พวกเขาเก่งมาก ๆ ครับ ผมแค่มีหน้าที่ดึงกองหลังให้เขา และเข้าไปในกรอบเขตโทษ เพื่อรอยิงประตู เพราะเขาจะส่งบอลมาให้เอง

ยกตัวอย่างเช่นในสนามซ้อม วานเดอร์ และ เฮแบร์ตี้ จะเข้ามาบอกกับผมเองว่าจังหวะแบบนี้ คุณควรพาตัวเองไปอยู่ตรงไหนจึงจะได้เปรียบ และมีลุ้นทำประตู

Thai League : คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่คุณยังต้องพัฒนาต่อไป เพื่อต่อยอดฟอร์มการเล่น รวมถึงการสร้างความแตกต่างระหว่างแข้งไทยกับต่างชาติ

ณัฐวุฒิ : ผมคิดว่าเรื่องประสบการณ์ที่ผมยังต้องสะสมให้มากขึ้นครับ ความแข็งแกร่งทางร่างกาย การตัดสินใจในพื้นที่สุดท้าย และการยิงประตู ผมยังต้องพัฒนาอีกมาก

Thai League : จากนักเตะที่พ่วงท้ายด้วยคำว่า “ดาวรุ่ง” วันนี้คุณเติบโตในเส้นทางลูกหนังแบบเต็มที่ มีความกดดันมากน้อยแค่ไหนกับการเป็นกองหน้าของทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องเกมรุกอย่างทรู แบงค็อกฯ

ณัฐวุฒิ : กดดันแน่นอนครับ เพราะว่าแบงค็อกเป็นทีมระดับหัวแถวของประเทศไทย ความคาดหวังก็สูงตามมา อีกอย่างผมก็เพิ่งขึ้นมาเล่นปีแรก อยากทำผลงานให้ดี

Thai League : ที่ผ่านมาทีมมักจะใช้ผู้เล่นต่างชาติในตำแหน่งกองหน้า แต่ในไทยลีกปีนี้คุณคือนักเตะไทยในตำแหน่งกองหน้า ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ คุณมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้

ณัฐวุฒิ : ผมรู้อยู่แล้วครับว่าในตำแหน่งกองหน้านักเตะต่างชาติต้องมาก่อน แต่ผมพยายามแสดงความสามารถของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ช่วยทีมให้ได้มากที่สุด และไม่ได้หวังว่าต้องลงตัวจริง แค่อยากช่วยทีมให้ได้มากที่สุดครับ

Thai League : ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้ทำให้คุณมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก คุณได้ประสบการณ์อะไรติดตัวกลับมาบ้าง

ณัฐวุฒิ : ผมภูมิใจมาก ๆ ครับที่ได้ก้าวขึ้นไปติดทีมชาติ ความตั้งใจนับจากนี้คืออยากต่อยอดฟอร์มการเล่นของตัวเองต่อไป ทำให้ผมมีความกระตือรือร้นมากขึ้น เพราะผมก็ไม่ใช่นักเตะดาวรุ่งแล้ว

Thai League : แฟนบอลคาดหวังว่าคุณจะก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวหลักของทีมชาติไทยในอนาคต คุณมองถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

ณัฐวุฒิ : ส่วนตัวผมมองเป็นเรื่องอนาคตนะ ผมอยากทำฟอร์มวันนี้ให้มันดีก่อนครับ สะสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แต่ถ้าโค้ชทีมชาติไทยเขาเห็นถึงประโยชน์ของผม และเรียกตัวไปผมก็ยินดีครับ

Thai League : การไปค้าแข้งในลีกต่างแดนยังเป็นความฝันของคุณหรือไม่

ณัฐวุฒิ : แน่นอนครับ! ผมไปแน่นอนถ้ามีข้อเสนอเข้ามา ผมอยากไปค้าแข้งในต่างประเทศอีกครั้งครับ

Thai League : เป้าหมายส่วนตัวของคุณในปีนี้กับทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด คืออะไร

ณัฐวุฒิ : ผมอยากช่วยทีมให้ได้มากที่สุดครับ และอยากพาทีมประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์สักรายการ ส่วนเป้าหมายส่วนตัวผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด และมีโอกาสติดทีมชาติไทยชุดใหญ่อีกครั้ง