26 May 2020
พวกเขาอยู่ที่ไหน : ตามหา 14 นักเตะบีจี นัดชิงเอฟเอ คัพ ครั้งประวัติศาสตร์

สโมสรบางกอกกล๊าส หรือ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน ถือเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลชั้นนำของเมืองไทย และมีแฟนบอลติดตามมากมาย โดยเกียรติประวัติสูงสุด นับตั้งแต่ใช้ชื่อ บีจี คือการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 2557 ที่ชนะชลบุรี เอฟซี 1-0
ในวันนี้ เราจึงพาทุกท่านย้อนไปดูว่า 14 ขุนพลที่ช่วยให้ทัพกระต่ายแก้วคว้าแชมป์ประวัติศาสตร์ของสโมสรได้เป็นครั้งแรก เป็นใครกันบ้าง และตอนนี้พวกเขาทำอะไรกันอยู่
นริศ ทวีกุล
นริศ ในวัย 31 ปี โชว์ฟอร์มเซฟอุตลุดในเกมเมื่อ 6 ปีที่แล้ว จนช่วยให้ บีจี คว้าแชมป์รายการแรกมาประดับสโมสรได้สำเร็จ
ในช่วงนั้น มือกาวรายนี้ถือเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูฝีมือดี และเขาก็ได้ลงเล่นให้กับบางกอกกล๊าสมาโดยตลอด แต่ในช่วง 2 ฤดูกาลล่าสุด ผู้รักษาประตูที่เคยเล่นให้ทีมชาติไทย 3 เกม ก็ถูกปล่อยยืมไปอยู่กัย เชียงใหม่ เอฟซี เมื่อปีที่แล้ว และไปเล่นที่ ขอนแก่น เอฟซี ในปัจจุบัน
วสันต์ ฮมแสน
ฟูลแบ็ควัย 28 ปี เป็นกำลังสำคัญของทัพกระต่ายแก้วชุดนี้ และเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีทีเดียวในเกมนัดประวัติศาสตร์ของสโมสร จากการช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีตไปได้
หลังคว้าแชมป์ วสันต์ ก็อยู่กับทีมอีก 1 ฤดูกาล ก่อนจะย้ายมาเล่นให้กับสุพรรณบุรี เอฟซี จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเจ้าตัวก็ถือเป็นกำลังหลักของทัพช้างศึกยุทธหัตถีมาจนถึงปัจจุบัน
เทรุยูกิ โมนิวะ
ปราการหลังดีกรีทีมชาติญี่ปุ่นรายนี้ ย้ายมาเล่นที่ ลีโอ สเตเดี้ยม ในฤดูกาลดังกล่าว และเขาก็ช่วยทีมคว้าแชมป์แรกได้ทันที
เขาลงเล่นให้บางกอกกล๊าสในไทยลีกไปถึง 32 เกม รวมถึงในเกมนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ด้วย แต่ทว่า โมนิวะ ก็อยู่กับทีมได้แค่ปีเดียว ก็ตัดสินใจกลับไปเล่นให้ เซเรโซ โอซากา ต้นสังกัดเดิมของตัวเอง ก่อนที่ปี 2562 จะไปเล่นกับ มารุยาซึ โอกาซากิ ทีมในดิวิชั่น 4 ของญี่ปุ่น
ประวีณวัช บุณยงค์
ประวีณวัช เป็นปราการที่ทัพกระต่ายแก้วปั้นขึ้นมา และเจ้าตัวก็ลงสนามพาทีม และตัวเองคว้าแชมป์รายการแรก และรายการเดียวในอาชีพค้าแข้งด้วย
หลังจากนั้น ‘บิ๊ก’ ก็ลงเล่นอยู่กับทีมดังจากปทุมธานี จนกระทั่งเลก 2 ปี 2560 เขาก็ไปเล่นกับการท่าเรือ แบบยืมตัว ส่วนฤดูกาลต่อมา ก็ไปอยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยสัญญาเช่า 1 ฤดูกาล และเมื่อจบฤดูกาล 2561 ประวีณวัชร ก็ย้ายไปเล่นให้กับ ราชบุรี มิตรผล เป็นการถาวร
ส่วนผลงานกับทีมชาติไทย กองหลังวัย 30 ปี รายนี้ เล่นให้ทีมชาติไทยไป 8 เกม และเคยเป็นดาวซัลโวในฟุตบอลซีเกมส์ ปี 2556 ด้วย
สุวรรณภัทร์ กิ่งแก้ว
สุวรรณภัทร เป็นอีกหนึ่งผลผลิตจากอคาเดมี่ของบีจี โดยเจ้าตัวลงสนามในนัดชิงชนะเลิศด้วยอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น
โดยปราการหลังวัย 25 ปีลงเล่นกับบางกอกกล๊าส จนถึงปี 2560 ก่อนจะย้ายไปเล่นกับเชียงใหม่ เอฟซี ซึ่งเจ้าตัวทำผลงานได้ดี จนช่วยให้ทัพพยัคฆ์ล้านนาเลื่อนชั้นมาเล่นไทยลีกเป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2562 และด้วยผลงานที่โดดเด่น ทำให้บางกอกกล๊าส ที่เปลี่ยนชื่อเป็น บีจี ปทุม ดึงตัวเขากลับมาช่วยเกมรับของทีมในซีซั่นนี้
ภูริทัต จาริกานนท์
แม้ ภูริทัต จะมาเล่นกับบางกอกกล๊าสด้วยสัญญายืมตัว แต่กองกลางพันธุ์ดุรายนี้ ก็ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ และได้ลงสนามเป็น 11 ตัวจริง ในเกมประวัติศาสตร์เกมนี้
อย่างไรก็ตาม พอจบฤดูกาล ‘แบงค์’ ก็ย้ายกลับไปอยู่ต้นสังกัดแม่อย่าง ชลบุรี เอฟซี จนปี 2559 กองกลางรายนี้ก็กลายเป็นนักเตะพเนจร เมื่อย้ายไปเล่นกับ พีทีที ระยอง, ราชบุรี มิตรผล, ไทยยูเนี่ยน สมุทรสาคร ก่อนจะมาเล่นกับทีมปัจจุบัน พีที ประจวบ ในเลก 2 ปี 2019 และช่วยให้ทัพต่อพิฆาตคว้าแชมป์ลีก คัพ มาครองได้เป็นครั้งแรกด้วย
พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์
มิดฟิลด์ตัวเก๋ารายนี้ ลงเล่นให้กับบีจีมาตั้งแต่ปี 2550 และเป็นกำลังำคัญของทีมมาโดยตลอด รวมถึงในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ปี 2557 ด้วย ที่เขายืนคุมเกมแดนกลางคู่กับ ภูริทัต จนทีมคว้าแชมป์มาได้
อย่างไรก็ตาม ‘เบนซ์’ ตัดสินใจย้ายไปเล่นกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เป็นครั้งที่ 2 ในปี 2562 หลังเคยถูกยืมตัวไปในเลกแรกของปี 2557 และช่วยให้ทัพกว่างโซ้งมหาภัย คว้าแชมป์ไทยลีกได้เป็นครั้งแรกของสโมสร ก่อนที่เจ้าตัวจะเก็บกระเป๋า ย้ายกลับมาเล่นที่ ลีโอ สเตเดี้ยม อีกครั้งในปีนี้
เจษฎากร เหมแดง
ดาวเตะรายนี้ เพิ่งจะย้ายจากชลบุรี เอฟซี มาอยู่กับ บางกอกกล๊าส ในปี 2557 และเขาก็ได้มีส่วนกับแชมป์ประวัติศาสตร์ของสโมสรทันทีตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมา
เจษฎากร ลงเล่นในถิ่นลีโอ สเตเดี้ยม จนถึงฤดูกาล 2559 ก่อนจะกลายเป็นแข้งพเนจร เพราะหลังจากนั้น เจาย้ายทีม แทบจะทุกเลกๆ โดยไปเล่นกับ พีทีที ระยอง, อุบล ยูไนเต็ด, สีหมอก เอฟซี และทีมล่าสุด แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น อุทัยธานี เอฟซี
ดาร์โก ทาเซฟสกี้
ดาร์โก ทาเซฟสกี้ เป็นอีกหนึ่งนักเตะ ที่เพิ่งจะย้ายมาร่วมทีมในปี 2557 และพาทีมคว้าแชมป์ประวัติศาสตร์ได้ทันที
เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติมาซิโดเนียเหนือ เป็นกำลังสำคัญให้กับทัพกระต่ายแก้วมาตลอด 2 ฤดูกาล ก่อนที่ปี 2559 เขาจะย้ายไปเล่นกับ สุพรรณบุรี เอฟซี และในเลกที่ 2 ไปอยู่กับ ขอนแก่น เอฟซี จนในปี 2562 ทาเซฟสกี้ก็ตัดสินใจอำลาเมืองไทย ด้วยการไปเล่นกับ สลาเวีย โซเฟีย ทีมในลีกสูงสุดของบัลแกเรีย
ลาซารัส คาอิมบี้
นี่คือฮีโร่สำหรับแฟนบอลบางกอกกล๊าสอย่างแท้จริง โดยคาอิมบี้ เป็นผู้ยิงประตูเดียวในนัดชิงเอฟเอ คัพ 2557 และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์รายการแรก และรายการเดียวของสโมสรมาครองได้
ปีกทีมชาตินามิเบีย อยู่เล่นกับทีมถึงปี 2559 ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ เชียงราย ยูไนเต็ด, ราชนาวี, สุพรรณบุรี เอฟซี ก่อนที่จะเก็บกระเป๋าลาเมืองไทยไปเล่นที่มาเลเซียกับ กลันตัน เอฟเอ, ปาหัง และกลับมาเล่นกับ กลันตัน เอฟเอ อีกครั้งในซีซั่นนี้
บลาเซ อิลิโจสกี้
นี่คือหนึ่งในแข้งจอมพเนจรของวงการฟุตบอล ก่อนย้ายมาเล่นกับบีจี อิลิโจสกี้ ก็ผ่านการเล่นให้กับสโมสรมา 7 สโมสรแล้ว
กองหน้าชาวมาซิโดเนียเหนือ ทำไป 6 ประตู จาก 14 เกมในไทยลีก แต่เจ้าตัวก็อยู่กับทีมแค่ครึ่งฤดูกาล ก่อนย้ายกลับไปเล่นกับ ราบอต์นิชกี ทีมในบ้านเกิด ก่อนจะออกพเนจรอีกครั้ง ด้วยการไปเล่นกับ กลันตัน เอฟเอ (มาเลเซีย) เพลิสเตร์ (มาซิโดเนีย), เอฟเค ชคูปี (มาซิโดเนีย) และกลับไปสโมสรที่ปั้นตัวเองมาอย่าง ราบอต์นิชกี อีกครั้ง และตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2562
ตัวสำรอง
โกชิ โอคุโบะ
โอคุโบะ เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่เพิ่งย้ายมา ลีโอ สเตเดี้ยม ในปี 2557 และเขาก็กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ช่วยทีมชูถ้วยแชมป์เอฟเอ คัพ ได้
ตัวรุกชาวญี่ปุ่นรายนี้ ทำผลงานได้ดีทีเดียวตลอดเวลา 2 ปี กับบางกอกกล๊าส ก่อนจะย้ายไปเล่นที่ พีทีที ระยอง อีก 2 ปี ก่อนถูกปล่อยยืมไป เกียวโต ซังงะ ทีมในบ้านเกิด ในเลก 2 ฤดูกาล 2561 แล้วอำลาทีมไปอยู่กับ เอ็มโอเอฟ ศุลกากร ในฤดูกาล 2562 ส่วนซีซั่นนี้ ดาวเตะเลือดซามูไรวัย 33 ปี เล่นอยู่กับ ราชนาวี
ศุภเสกข์ ไก่แก้ว
เจ้าของเสื้อหมายเลข 10 ของบีจี ในตอนนั้น ถูกส่งลงมาช่วยทีมในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเกมนี้ และช่วยให้ทัพกระต่ายแก้ว คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ไปครองได้สำเร็จ
ศุภเสกข์ลงเล่นให้กับทีมดึงย่านปทุมธานีถึง 3 ปี ก่อนเจ้าตัวจะอำลาทีมไปอยู่กับ ไทยฮอนด้า, สุพรรณบุรี เอฟซี, พีทีที ระยอง ตามด้วยทีมล่าสุดอย่าง ระยอง เอฟซี ที่เจ้าตัวมาร่วมทัพในฤดูกาลนี้
ชาตรี ฉิมทะเล
นี่คือนักเตะที่อยู่กับบางกอกกล๊าสมาอย่างยาวนาน โดย ชาตรี ได้โอกาสลงสนามนาทีสุดท้ายของเกมนี้ ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ไปครองได้
นอกจาก สุววรณภัทร กับ พีรพงศ์ แล้ว ‘เจ้าหนุ่ม’ ก็เป็นนักเตะอีกคนในชุดแชมป์เอฟเอ คัพ 2557 ที่ยังอยู่กับบีจี แต่เขาเป็นคนเดียวที่ยังอยู่กับทีมมาตลอดโดยไม่ย้ายไปไหนเลย แม้ทีมจะต้องหล่นไปเล่นในไทยลีก 2 เมื่อฤดูกาล 2562 ก็ตาม และกองหน้าเจ้าเวหารายนี้ ก็ถือเป็นหนึ่งในตำนานของทัพกระต่ายแก้วอย่างแท้จริง และหากนับตั้งแต่ปี 2552 ชาตรีก็ยิงให้ทีมไปถึง 64 ประตู จากการลงเล่น 233 นัดในลีก (รวมทั้งไทยลีก 1 และ 2)