28 Oct 2022
ภูธรสตาร์ : บรรลือ ทองเกลี้ยง (บางกอก เอฟซี)

ตลอดเวลากว่า 3 ฤดูกาล ที่กระทิงเมืองหลวงหลงป่าอื่นไปหลายปี ก่อนจะได้กลับมาสู่ถิ่นบางมด เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (2021/22) ย่อมเป็นฤดูกาลที่แฟนบอลบางกอก เอฟซี รอคอย ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ ไม่ทำให้แฟนฟุตบอลผิดหวัง เมื่อพวกเขาสามารถจบรองแชมป์โซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผ่านเข้าไปเล่นในรอบแชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ
หนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของทีม คงหนีไม่พ้นแข้งชาวสุราษฎร์ธานี ผู้เคยไปกินนอนฝึกฟุตบอลกับยอดทีมแดนกระทิงดุ อย่าง แอตเลติโก้ มาดริด ก่อนจะกลับมาเล่นฟุตบอลในเมืองไทย และเป็นกำลังหลักของทัพกระทิงเพลิงในวันนี้
เขาชื่อ “บรรลือ ทองเกลี้ยง”
เด็กหนุ่มจาก อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี เริ่มฉายแววทักษะลูกหนังตั้งแต่เยาว์วัย โดยฝีมือของ “อ.อัจ” อ.อัจฉริยะ วณิชชานนท์ อดีตกุนซือสุราษฎร์ธานี ที่ปลุกปั้นสั่งสอนวิชาลูกหนัง จนแก่กล้า
จนเข้าสู่ช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 3 อ.อัจ ที่เวลานั้นเป็นทีมงานสตาฟฟ์โค้ชชุดเยาวชนของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ทาบทามให้เจ้าตัวออกจากเมืองไชยา มุ่งหน้าสู่เมืองกรุงในการหาความฝันการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ในเวลานั้น คือ “มหาอำนาจลูกหนังเมืองไทย”
และแน่นอน เขาไม่ทำให้ อ. ผิดหวัง และกลายเป็น กิเลนจูเนียร์ ในวันที่เขาย่าง 16 ปีเศษ
ในเวลานั้น เมืองทอง ยูไนเต็ด เพิ่งจะจับมือกับทาง โพธินิมิตพิทยาคม โรงเรียนดังย่านปากเกร็ด-เมืองทองธานี นี่เองทำให้เขาถูกส่งตัวในฐานะนักเรียนนักกีฬา โดยมีเพื่อนอย่าง ชัยวัฒน์ บุราณ, สุริยา สิงห์มุ้ย, อิทธิกร การสร้าง และ นพคุณ อู่เจริญ ร่วมรุ่นและร่วมกันสร้างชื่อในรายการสำคัญ ทั้ง ฟุตบอล 7 สี, ฟุตบอลกรมพลศึกษา
ก่อนที่ตัวเขาและเพื่อนๆ กิเลนจูเนียร์ จะได้รับเลือกโอกาสสุดสำคัญในการส่งตัวไปบ่มวิชาลูกหนังที่แอตเลติโก้ มาดริด ยอดทีมดังแห่งสเปนในอีกไม่กี่วันจากนั้น
“ตอนที่ไปฝึกที่สเปน เราได้เห็นความแตกต่างระหว่างลีกที่โน่นกับเด็กไทย การซ้อมการเป็นผู้นำที่มันดูโต ในอายุที่แบบเท่ากับเรา มันเป็นมืออาชีพ วิธีการเล่นการวางตัว ก่อนซ้อมก่อนแข่ง เราได้ศึกษาว่าเขาทำอย่างไร” บรรลือ กล่าว
หลังจากที่เขาและเพื่อนๆ ไปศาสตร์วิชาลูกหนังจากเมืองสเปน ไม่นาน ทัพกิเลนผยองยื่นสัญญาอาชีพให้ “นุ๊ก” ในวัย 18 ปีเศษ เขาคือนักฟุตบอลอาชีพของ เมืองทอง ยูไนเต็ด แล้ว
“กลับมาจากสเปน ตอนนั้น ก็ได้สัญญาอาชีพเลย เพราะตอนนั้นพวกผมกลับมา ก็ไปเล่นเลกสองที่นนทบุรี เลย พวก พิธิวัตต์ กลับมาเล่นเลกสองกัน”
แต่ด้วยกระดูกของเขาที่ยังไม่แข็งพอ และการขับเคี่ยวของไทยลีกที่สูง จุดหมายแรกของเขาในการเล่นฟุตบอลอาชีพ คือ “อีกานนท์” นนทบุรี เอฟซี ที่ในเวลานั้น เต็มไปด้วยแข้งวัยรุ่นจากผลผลิตสายเลือดกิเลนผยอง โดยมีอาจารย์อย่าง “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์ คอยดูแล ก่อนที่ในปีถัดมา จะย้ายไปเล่นกับ นครนายก เอฟซี
ไม่มีใครรู้ว่า การตัดสินใจในทุกครั้ง จะนำมาซึ่งผลที่ดีหรือร้ายในอนาคต
แต่รู้แค่ว่า ชีวิตของเราเลือกขีดเส้นทางเองได้
ปี 2014 เมืองทอง ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอให้เขาต่อสัญญา แต่สำหรับ บรรลือ เขาเลือกตัดสินใจไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่ และเป็นอีกครั้งที่เขาต้องออกเดินทาง โดยที่ สุพรรณบุรี เอฟซี เป็นจุดหมายใหม่
แต่ในการตัดสินใจในชีวิตคนเรา ไม่มีใครรู้ว่า จากนั้นจะเป็นอย่างไร ชีวิตในรั้วสุพรรณบุรี เขาค่อยถูกลืมทีละช้าๆ จากโอกาสการลงสนามที่น้อย และยังต้องวนเวียนกับหลายทีมในลีกล่างอย่าง สีหมอก, อ่างทอง และทีมบี ของสุพรรณบุรี
“ถ้าตอนเล่นอาชีพ มันก็น้อยกว่ากันนิดหน่อย ไปที่โน่น มีโอกาสได้ลงอยู่ พอเลกสอง อ่างทอง ยืมตัวไป ได้ลงเลกแรกไม่กี่นัด และอีกปีเล่นสีหมอก เล่นสุพรรณฯ บี แต่ปีที่ 4 ผมโดนยกเลิกสัญญา”
เมื่อเส้นทางการค้าแข้งของสุพรรณบุรีมาถึงทางตัน ทำให้การเดินทางย่อมต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้ไปไกลจากเดิมมากมาย เมื่อ อ่างทอง เอฟซี อดีตทีมที่เขาเคยฝากผลงาน สนใจและมาร่วมงานกัน
“ตอนยกเลิกสัญญากับสุพรรณ ช่วงนั่นเคว้งไปเลกหนึ่งเลย พอเลกสอง เลยไปอยู่กับ อ่างทอง อีกครั้งหนึ่งใน T2 กลับไปตอนนั้นเราได้เล่นทุกนัด กลับมาครั้งนี้มันมีแรงที่ต้องสู้ให้มากกว่าเดิม มันคงปล่อยอะไรหลายอย่างไม่ได้” บรรลือ กล่าวถึงโอกาสตอนนั้นที่ได้มาอีกครั้ง
ทว่าชีวิตลูกหนัง ไม่ได้มีคำว่าดีเสมอไปหมด แม้ บรรลือ จะมีโอกาสได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่มันสวนทางกับผลงานในลีกของทัพนักรบรวงทอง และในที่สุด ก็มิอาจช่วยให้ทีมยืนหยัดบนเวทีลีกพระรองได้
ฟ้าหลังฝนผ่านไป ชีวิตคนเราย่อมต้องเดินทางต่อ บรรลือ ตัดสินใจลบคราบน้ำตาและความผิดหวัง มาร่วมงานกับ บางกอก เอฟซี ในปี 2019 ปีเดียวกับที่พวกเขา รีแบรนด์จากกระทิงเหล็ก สู่กระทิงเพลิง
“ที่นี่น่าจะเป็นที่ดีที่สุดแล้ว เพราะมีโอกาสได้ลงเล่น มาแล้วได้เล่นตลอด เป็นตัวหลักของทีม มีโอกาสได้โชว์ ได้ลงเล่น และผลงานตัวเองเริ่มมีผลงานบ้างในการยิงประตู” บรรลือ เผยถึงการย้ายมาเป็นแข้งกระทิงเพลิงในเวลานั้น
ตลอดระยะเวลากว่า 3 ฤดูกาล แม้จะไม่ใช่แข้งที่ทำประตูได้มากมาย แต่เมื่อใดที่เขาลงสนาม เขายินดีทำผลงานอย่างเต็มที่ ซึ่งฤดูกาลนี้ (ณ ที่กำลังเขียนต้นฉบับ) เขาทำไปถึง 7 ประตู 6 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 7 เกม และทำประตู 6 เกมติดต่อกันแล้ว
“เราอยากมีสกอร์ทุกนัดที่ลงเล่น ตอนนี้ทำมาในลีก 6 นัด ตอนนี้กำลังทำสถิติของตัวเอง เราอยากยิงไปเรื่อยๆ ให้ทีมชนะแค่นั้น" บรรลือ เผยถึงฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงในตอนนี้
“ปีที่ผ่านมา เป้าหมายถ้าไปแชมเปี้ยนส์ลีก ก็ไปได้ แต่ส่วนตัวผม อยากมีผลงานให้กับตัวเองอยู่แล้ว ก็อยากพาทีมไป T2 ให้ได้ครับ” บรรลือ พูดถึงเป้าหมายของเขากับทัพกระทิงเพลิง
จากก้นบึ้งของหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ และอยากสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ บรรลือ ทองเกลี้ยง ใช้ฟุตบอล กำหนดชีวิตของเขากับเส้นทางตลอด 3 ฤดูกาลกับ บางกอก เอฟซี ที่ๆ เขาเรียกว่าบ้านได้อย่างสุดหัวใจ และพร้อมจะช่วยทัพกระทิงเพลิงกลับไปอยู่ในจุดที่เคยยืนให้ได้ในสักวัน