ภูธรสตาร์ : สุชนม์ สงวนดี "ซ้ายตัวตึงย่านร่มเกล้า"

ไทยลีก 3 ฤดูกาล 2022/23 มีผู้เล่นอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไปมีชื่อทำการแข่งขันจำนวนถึง 143 คน จากทั้งหมด 2212 คน หรือคิดเป็น 6% ของจำนวนผู้เล่นทั้งหมด เขาคนนี้ เป็นหนึ่งในนั้น...

เป็นอีกหนึ่งผู้เล่น ที่ผ่านสีเสื้อกับทีมใหญ่ๆ ในระดับไทยลีกและทีมชาติไทยมาแล้ว

กับฤดูกาลนี้ เขาเปลี่ยนสีเสื้อในฐานะแข้งของ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ทีมจากโซนเมืองหลวง เพื่อเป้าหมายกับการลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้ง บนวัย 40 ปี อะไรคือแรงผลักดัน และรักษาสภาพร่างกายอย่างไรให้ยังสู้ได้จนถึงวันนี้

และนี่คือเรื่องราวของ "สุชนม์ สงวนดี" กองกลางพันธุ์ดุแห่งถิ่นร่มเกล้า

-----

ในวัยเด็ก เขาคือนักกีฬาตัวยงของโรงเรียนเทศบาล ๔ (เชาวนปรีชาอุทิศ) ทั้ง วอลเลย์บอล และ กรีฑา เขาผ่านมาทั้งหมดแล้ว และกลายเป็นทักษะพื้นฐาน ที่ทำให้ถูกดึงมาเล่นฟุตบอล ในตำแหน่ง ผู้รักษาประตู และ กองหน้า

แต่จุดเปลี่ยนของเขาในการเล่นฟุตบอลแบบถาวร คือการได้เล่นฟุตบอลเดินสายในจังหวัดนครปฐม โดยได้ร่วมทีมกับ ธร สอระภูมิ กองหลังพันธุ์แกร่งจากค่ายตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเวลานั้น

ที่นั่นเอง เขาได้เรียนรู้ศาสตร์ฟุตบอล และได้ลงเล่นต่อเนื่อง จนมีชื่อเสียง และเป็นหนึ่งในขุนพลของ นครปฐม เอฟซี ชุดโปรวินเชียลลีกในปี 2001 ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ ตำรวจ ในปีต่อมา

แต่ในวันที่ฟุตบอลไทยยังไม่เป็นมืออาชีพ เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า "ฟุตบอล" จะพาเขาไปไกลแค่ไหน? นี่เองจึงทำให้เขาเกือบตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอล

กระทั่งมีฟุตบอลควีนส์คัพ ในปีต่อมา และ จ.นครปฐม เป็นเจ้าภาพการแข่งขัน เขากลับไปเล่นให้ทีมบ้านเกิดอย่าง นครปฐม และแม้ไม่สามารถพาทีมผ่านเข้ารอบต่อไป แต่ฟอร์มของเขา เข้าตา "เสี่ยเหมา" กมล สุวรรณเจริญ ที่ทำทีมพนักงานยาสูบในเวลานั้น ทาบทามมาร่วมทีมในระหว่างที่เขายังครองผ้าเหลือง

และการตอบตกลงในครั้งนั้น ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นการผจญภัยต่อเนื่องมากว่า 20 กว่าปีบนสมรภูมิลูกหนังไทย...

-----

ปีแรกกับพนักงานยาสูบ สุชนม์ มาในช่วงที่ทีมกำลังหนีตกชั้นอย่างหนัก ก่อนจะช่วยทีมรอดตกชั้น ด้วยการเพลย์ออฟชนะ ทหารบก ในปี 2003

ฤดูกาล 2004/05 ทีมมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อ โจเซ่ อัลเวส บอร์จีส กุนซือชาวบราซิลเข้ามาทำทีมและสร้างตำนาน "เทพนิยายยาสูบ" เถลิงแชมป์ไทยลีก โดยเขามีส่วนร่วมกับ 2 ประตูในฤดูกาลนั้น ก่อนที่จะก้าวไปติดทีมชาติไทย ในยุค "สายเลือดใหม่" อย่าง โกสินทร์(สินทวีชัย) หทัยรัตนกุล, ธีรเทพ วิโนทัย, ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, ดัสกร ทองเหลา เป็นต้น โดยมีแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 23 เป็นเกียรติประวัติเดียวในนามทีมชาติไทย

ชีพจรของ สุชนม์ เดินทางผจญภัยอย่างต่อเนื่องกับหลายทีม ไม่ว่าจะเป็น ทีโอที, บีอีซี เทโร ศาสน, สุพรรณบุรี เอฟซี, บางกอก เอฟซี, การท่าเรือ เอฟซี, หนองบัว พิชญ, สีหมอก เอฟซี, แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด, อุทัยธานี เอฟซี, มหาวิทยาลัยปทุมธานี และล่าสุดกับ "สิงห์ร่มเกล้า" มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต

พร้อมๆ กับการเปลี่ยนจากกองหน้า สู่การเป็นแบ็กซ้าย และเป็นกองกลางสายฮาร์ดแมนจนกระทั่งทุกวันนี้

-----

บนวัย 40 ปี ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรักษาสภาพความฟิตในการลงไปบดบี้ในฐานะแข้งเอาท์ฟิลด์ได้ ซึ่งเขายอมรับว่า เคล็ดลับสำคัญในการรักษาสภาพร่างกายคือ “ความกระหาย” ที่ไม่หยุดยั้ง ในการสร้างผลงานที่ดีที่สุดในยามที่เขาได้ทำหน้าที่ในสนาม

“มันเกิดจากความรู้สึกเรารักในการออกกำลังกายอยู่แล้ว บวกกับความรู้สึกที่อยากเตะบอลอยู่ ด้วยสภาพร่างกายที่ยังเล่นต่อเนื่องมากกว่า เลยไม่อยากทิ้งตรงนี้ไป” ดาวเตะดีกรีแชมป์ไทยลีก กล่าวเริ่ม

“ถามว่ามีจุดอิ่มตัวไหม? มันมี แต่ความรู้สึกที่เราอยากทำ มันเกิดจากความรู้สึกที่ร่างกายเรายังได้ ด้วยวัยของเรา เราไป เราไม่ได้อยากไปเล่นแล้วเป็นสำรอง เราเลิกดีกว่า แต่ที่ผ่านมา เราเล่นตลอด มันเลยทำให้ร่างกายอยู่ได้และยังไปได้ต่อ”

“เวลาที่เราไปอยู่ที่ไหน หรือไปทำอะไร เรามีเป้าหมายมันเลยเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราอยากไปต่อ” ดาวเตะดีกรีทีมชาติไทย กล่าวในส่วนนี้

บนเส้นทางกว่า 20 ปีบนถนนสายลูกหนัง แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพที่เต็มเปี่ยม และความกระหายที่ไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะรับใช้ในนามสโมสรหรือทีมชาติไทย เหนือสิ่งอื่นใด นี่คือตัวอย่างที่ดีในการทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดไปสู่เป้าหมายให้ได้ในสักวัน