31 Oct 2023
ศิลปิน-ลูกหนัง : นาราภัทร งดงาม (มหาสารคาม เอสบีที)
"มันบ่แม่นของง่าย มันบ่ตายแต่มันคิดฮอด"
มันบ่แม่นของง่าย - บิว สงกรานต์
ดารานักแสดง กับ นักฟุตบอลอาชีพ ดูจะเป็นสิ่งที่ขัดกันอย่างแปลกๆ ด้วยเวลาที่ทั้งสองอาชีพ ต้องทุ่มเทเพื่อผลงานที่ดี จึงเป็นสิ่งที่คนหลายคน ต้องตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพราะรู้ดีว่า "มันบ่แม่นของง่าย"
แต่สำหรับ "นนท์" นาราภัทร งดงาม หรือ "นาราวาซาบิ" หรือ "หมอแจ๊ค" ในจักรวาลไทบ้าน เขาเลือกเดินทั้งสองทางในวันที่เขาก้าวมาเล่นฟุตบอลอาชีพและเป็นทั้ง นักแสดง, ดารา, นักร้อง รวมไปถึง "โค้ชฟุตบอล" ด้วย
ในหลากหลายแง่มุมของเขา เขาก้าวเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร กับการเดินทางบทใหม่บนสีเสื้อของ มหาสารคาม เอสบีที ทีมแกร่งแห่งปุ๋ยรุ่งอรุณ ลีก โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในฤดูกาลนี้ ควบคู่กับนักแสดงดีกรี 600 ล้านเข้าไปแล้ว
-
เด็กหนุ่มจาก อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เติบโตกับฟุตบอลโดยมีพี่ชายที่เป็นถึงนักฟุตบอลระดับตำบล เป็นไอดอล และซึมซับมาอย่างต่อเนื่องจนมีโอกาสเข้าสู่เส้นทางลูกหนังจริงๆ จังๆ กับ ร.ร.ภัทรบพิตร ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ทาง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นพันธมิตรกันอยู่ และมีโอกาสได้ลงเล่นร่วมกับแข้งไทยลีกอย่าง รัตนากร ใหม่คามิ มาแล้ว
ถามว่ายากมากน้อยแค่ไหน ตอนนั้นเราเป็นตัวสำรอง ไม่ได้เป็นตัวหลักอะไร แล้วพอเราลงไปในสนาม ด้วยความที่เขามาจากอะคาเดมี่และเล่นดีอยู่แล้ว มันเลยทำให้เราเล่นง่ายไปด้วย เราเลยได้อิทธิพลจากตรงนั้นด้วย ประกอบกับเราตัวเล็ก แต่ อ.ยังให้โอกาส โดยไม่ได้สนใจเรื่องของการร่างกาย
แต่ด้วยการแข่งขันที่สูง ประกอบกับสรีระที่ไม่ได้ใหญ่ ทำให้เขาต้องตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตอีกครั้งในช่วง มัธยมปลาย เมื่อได้ทุนเรียนต่อที่ ร.ร.พันท้ายนรสิงห์วิทยา และที่นั่น เปรียบเสมือน "จุดเปลี่ยน" ในชีวิตในหลายๆ อย่าง
-
จริงๆ เริ่มมาจากปีกซ้ายก่อน และได้มาเล่นแบ็กซ้ายตอนเรียนที่ ร.ร.พันท้ายนรสิงห์ฯ และได้เล่นยาวๆ ก่อนจะมาเปลี่ยนตำแหน่ง ตอนที่มาเล่นลีกอาชีพกับสมุทรปราการ
ตอนที่ผมเรียนอยู่ที่ พันท้ายฯ ผมเป็นทั้งโค้ชและผู้เล่น คือด้วยการที่เรามาอยู่ที่ พันท้ายฯ มันไม่ใช่ ทุน 100 เปอร์เซนต์ ด้วยความที่เราอยากจะหาเงินเอง ผมเลยคุยกับ มาสเซอร์จิ๋ว (สมพร แดงเจริญ) ว่า ผมขอซ้อมฟุตบอลไปด้วยและขอทำทีมฟุตบอลรุ่นนึงไปด้วย ตอนนั้นผมทำรุ่น U14 ของโรงเรียน ตอนนั้นเลยต้องซ้อมบอลรุ่น 18 ของตัวเอง และซ้อมบอลให้รุ่น U14 และเป็นฝ่ายปกครองไปด้วย
ถามว่า ทำแล้วมันดีทั้งคู่ไหม? ผมว่าผมจบสวยกับทั้งสองอย่างนี้มากๆ เลย เพราะผมมีอาจารย์ที่เจนจัดในเรื่องของการปั้นเด็ก เวลาเรียกเราไปคุย เขาก็ให้ความรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ประกอบกับตอนนั้น เรามีไฟในการทำงานตรงนั้นอยู่แล้วเลยไปด้วยกันได้
ชีวิตในรั้ว โรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยา "นนท์" ได้เรียนรู้ถึงความเป็นระเบียบวินัย การถ่ายทอดศาสตร์ของฟุตบอล ผ่านการทำหน้าที่ทั้ง "ผู้เล่น" ในรุ่นโตที่สุด และ "โค้ช" ให้กับรุ่นน้อง จนมีโอกาสได้เป็นโค้ชอะคาเดมี่ให้กับ ธนบุรี ซิตี้ และ สพล.สมุทรสาคร ยูไนเต็ด
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่คิดว่าจะกลายเป็นอีกบทบาทหนึ่ง ในวันที่โชเชียลมีเดีย เริ่มมีอิทธิพลคือการเป็น "เน็ตไอดอล" และกลายเป็นช่องทางที่ทำให้คนรู้จักเขาในนาม "นาราวาซาบิ"
ตอนนั้นเรียนอยู่ ร.ร.พันท้ายฯ ตอน ม.5 แล้วแค่รู้สึกอยากมีงานรีวิวเข้า เพราะคำว่า เน็ตไอดอล มันมีอิทธิพล เลยเอาโทรศัพท์มาถ่ายคลิปสนุกๆ ไม่มีอะไรแล้วมันดัง
-
แต่การเป็นเน็ตไอดอล และเป็นนักฟุตบอล กลายเป็นดาบสองคม ที่เหมือนเป็นแรงกดดันที่ทำให้เขาต้องพยายามให้หนักขึ้นกว่าคนอื่นๆ
ผมตัวเล็กที่สุดในทีม และเราแบกคำว่า เน็ตไอดอล ไว้ในตัว พอลงสนามปุ๊ป ความยากคือคนที่มองเข้ามา เขาจะมองว่า มึงตัวเล็กและเป็นเน็ตไอดอล มึงก็คงไม่น่ารอด แต่กลับกันมันไม่ใช่ ผมทำให้แฟนบอลและทุกคนในทีมมั่นใจตั้งแต่ตอนที่ได้รับโอกาสเลย
และสิ่งนั้นเองที่ปลุกปั้นให้ นนท์ ได้เดินตามเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ กับ สมุทรปราการ เอฟซี เมื่อฤดูกาล 2017 โดยยังทำหน้าที่เป็นโค้ชสอนฟุตบอลให้อะคาเดมี่ของทีมบ้างตามโอกาส ซึ่งปีแรกของเขากับ "ป้อมปราการ" ทีมประสบความสำเร็จด้วยการเป็นรองแชมป์ไทยลีก 4 โซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้สิทธิ์ไปลุยรอบ ชปล. ในรอบ 7 ปี
ผมมองว่าบอลนักเรียนยากกว่าตอนเล่นอาชีพเยอะ เพราะบอลนักเรียน ตัวมันเยอะกว่า พอเป็นบอลอาชีพ ผมโชคดีที่เราลงทะเบียนเป็น U21 แล้วในทีมไม่ได้มีเยอะ แต่ตอนเลกแรกก็หนักพอสมควรคือไม่ได้เล่นเลย แต่พอเลกสองเรามีโอกาส ตอนที่เปลี่ยนโค้ชมาเป็นต่างชาติ (มาตูร์) เขาไม่ได้สนใจเรื่องสรีระ แล้วเป็นคนแรกที่เลือกผมมายืนกองหลัง
แต่ด้วยงานในวงการบันเทิง เขาคือ "หมอแจ๊ค" แห่ง ไทบ้านเดอะซีรีย์ เขาจึงตัดสินใจย้ายมาเล่นให้ สุรินทร์ ซูก้า โขงชีมูล น้องใหม่ของโซนภาคอีสานในปี 2018 เพื่ออยู่ใกล้กับกองถ่ายและมีเวลาเล่นฟุตบอลที่เขารัก ทว่าจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งสิ่งในชีวิต ก็เกิดขึ้นจนได้
ตอนที่มาอยู่กับพี่โก้ (ฐปกร ดีมาก) ถามว่าดีไหม? ก็ดีครับ เพราะพี่โก้แกเป็นคนให้โอกาสเด็ก เขาเน้นใช้เด็กอยู่แล้ว และอีกเหตุผลที่ย้ายไปโซนนั้น เพราะมันอยู่ใกล้กองถ่ายที่ถ่ายหนัง แต่ผมเล่นได้แค่เลกแรก เพราะตอนนั้นผมไหล่หลุดยาวเลย เลยไม่ได้ซ้อม ได้แค่ถ่ายหนัง"
แต่ก็เป็นช่วงที่ทำให้ผมได้ผันตัวจากนักแสดง มาทำเพลง มาเป็นนักร้อง เพราะมันว่างเลยหันมาทำเพลง เลยเป็นจุดเปลี่ยนอยู่เหมือนกัน
ผมกดดันมากทุกครั้งเวลาที่ลงสนาม เพราะเวลาที่เราลงสนาม เราจะถูกมองว่าเป็นเน็ตไอดอล พอถูกมองว่าเป็นเน็ตไอดอล แน่นอนว่าทุกครั้งที่บอลออกจากเท้า ทุกคนจะลุ้นมากๆ ว่ามันจะพลาดไหม ฉะนั้นเราต้องละเอียดหนักกว่าทุกคนในทีม
ลองมองภาพง่ายๆ ว่าถ้าเป็นคนอื่นส่งแล้วโดนตัด มันจะเป็นการทำเสีย แต่ถ้าเป็นผมส่งแล้วทำเสีย มันจะโดนว่า ความผิดมันจะทวีคูณทันที มันเลยค่อนข้างกดดัน แต่พอได้รับโอกาสบ่อยขึ้น มันไม่กดดันมากแล้ว รวมถึงแฟนบอลรู้ว่าอะไรเป็นอะไร มันเลยไม่กดดันอะไร
ถามว่าคิดเล็กคิดน้อยไหม? ผมไม่คิดตรงนั้น เพราะรู้ว่าผมให้เวลากับทีมเยอะมาก ผมจะเป็นนักเตะคนหนึ่งเลย ต่อให้มีงานคอนเสิร์ต อีเวนต์ แต่ผมจะเป็นของผมเลย คือเล่นคอนเสิร์ตเสร็จ นั่งเครื่องกลับมาซ้อม ผมทำแบบนั้นจนถึงวันนี้อยู่ จนผมไม่ได้กดดันอะไรแล้ว
-
ดูเหมือนว่า งานในวงการบันเทิงสำหรับนนท์ น่าจะไปได้สวยและมีโอกาสกลับมาช่วย สมุทรปราการ เอฟซี อยู่พักหนึ่ง แต่เมื่ออดีตเจ้านายเก่า มาตูร์ เรียกหา เขาจึงตัดสินใจหวนคืนสู่สนามหญ้าอีกครั้งกับ สยาม เอฟซี ในฤดูกาล 2020/21
มาตูร์ บอกว่า I need you (หัวเราะ) คือตอนแรกเขาอยากให้เข้ามาสอนเด็กๆ ก่อน เป็นโค้ชอะคาเดมี่ แต่ด้วยตอนนั้นทุกอย่างลงตัว เราเลยไปสอนเด็กๆ แต่พอไป ดูร่างกายแล้ว มาตูร์ บอกยูไม่ต้องไปสอนเลย ให้ซ้อมแล้วส่งชื่อเล่นเลย ผมก็ไม่รู้ว่าเขาชอบอะไรในตัวผม (ยิ้ม)
ตลอด 2 ซีซั่นกับ สยาม เอฟซี แม้ไม่อาจช่วยทีมให้อยู่รอดบนไทยลีก 3 แต่ในแง่ความทุ่มเทเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม เขาก็ทำอย่างเต็มที่ในทุกๆ ครั้ง กระทั่งการย้ายมาเล่นให้กับทาง มหาสารคาม เอสบีที ทีมแชมป์โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อปีกลาย ที่เขายอมรับว่า “กดดันไม่น้อย” แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งการเป็นนักฟุตบอลและนักแสดง ต่างก็เป็นสิ่งที่ นนท์ มองว่ามีความยากง่ายแตกต่างกันไปและท้าทายไม่น้อย
ที่สารคามเขามองเราเป็นนักเตะคนหนึ่ง อาจจะด้วยก่อนหน้านี้เราค้าแข้งมาบ่อย แต่มันจะมากดดันจากสื่อภายนอกว่าเราเล่นได้เหรอ ถามว่ากดดันไหม? กดดันหนักแบบบางทีกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเรารับค่าเหนื่อยที่มหาสารคามค่อนข้างสูง เพราะมันต้องแข่งขันกันด้วย
ผมมองว่าเป็นนักแสดงยากกว่า นักแสดงมันยากตรงเรื่องของการใช้ชีวิต ต้องวางแผนดีๆ ต้องจัดคิวดีๆ รวมไปถึงการแสดงที่เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร ต้องท่องจำบทซ้ำๆ แสดงให้สมบทบาทตามแคแรคเตอร์ที่เราได้รับ ส่วนอาชีพนักฟุตบอล ก็ต้องมีวินัย และทำงานหนักทั้งการซ้อม การแข่งขัน ที่มันก็เหนื่อยไปอีกแบบ แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันคือสิ่งที่เรารัก เรามีแพสชั่น และสนุกไปกับมันเลยทำให้ทุกอย่างออกมาค่อนข้างดี
มีคนถามว่า เราไปได้ดีทางการแสดงแล้วทำไมยังเล่นฟุตบอลอยู่ คิดง่ายๆ ว่าฟุตบอลคือสิ่งที่ผมรัก ผมมองว่าผมเป็นคนโชคดีที่มีโอกาสดีๆ ที่ทุกคนมอบให้มา และเรายังไหวกับมัน มีความสุขกับมัน ก็เลยคิดว่าเมื่อทุกอย่างยังไปได้สวยก็ทำทุกโอกาสที่มีออกมาให้ดีที่สุด
ผมโคตรภูมิใจกับสิ่งที่ตั้งใจทำ ในวันที่แทบไม่มีใครเชื่อว่าจะทำสำเร็จได้ เอาจริงๆ กับสิ่งที่เป็นไปในเวลานี้มันยากจะเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง แต่มันเป็นไปแล้ว ถามว่ามีอะไรที่อยากทำให้สำเร็จอีกไหม ตอนนี้ผมยังนึกไม่ออกเลยครับ เอาว่าขอใช้ชีวิต มีความสุขที่เป็นอย่างเช่นปัจจุบัน และได้ทำในสิ่งที่รักทั้งการเตะฟุตบอล และเล่นหนัง เป็นที่รักของทุกคนแบบนี้ต่อไปแค่นี่มันก็มีความสุขที่สุดแล้วครับ
-
ใครจะเชื่อจากเด็กรูปร่างผอมบางที่เข้ามาสู่วงการลูกหนังท่ามกลางเสียงค่อนขอดว่าจะไปได้สักกี่น้ำ เขาผ่านคำเหยียดหยาม ดูถูกนับครั้งไม่ถ้วน แต่วันนี้เขายังคงสวมบทบาทนักฟุตบอลกับทีมระดับท็อปในเวทีไทยลีก 3 เช่นกันกับเรื่องราวในโลกมายา ที่เปลี่ยนสถานะจากเน็ตไอดอล ขวัญใจวัยรุ่นในวันวาน สู่นักแสดงภาพยนตร์หลักร้อยล้านบาท ในจักรวาลไทบ้าน
เหนือสิ่งอื่นใด ด้วยประสบการณ์ ได้สั่งสอนให้เขาเรียนรู้ที่จะรับมือและเข้าใจชีวิตในโลกทั้งสองใบ และเดินหน้าไปสู่การเป็น "ศิลปิน" ที่โด่งดังและ "ลูกหนัง" ที่กล่อมเกลาให้ นาราภัทร งดงาม เติบโตอย่างงดงามสมกับนามสกุลของเขาเอง
---