20 Mar 2020
Best XI : 11 นักเตะยุโรปที่เก่งที่สุดในไทยลีก

พวกเขาคือเหล่าแข้งจากโซนยุโรปที่เคยวาดลวดลายจนเป็นที่จดจำของแฟนบอลไทย จากความเก่งกาจ และดีกรีที่ไม่ธรรมดา บางคนเคยผ่านการเล่นให้ทีมยักษ์ใหญ่มาแล้ว บางคนเปลี่ยนจากแข้งโนเนมสู่ราชาของต้นสังกัดในปัจจุบัน
นี่คือเหล่ายอดนักเตะยุโรปสุดเก่งที่ลงเล่นในไทยลีก ซึ่งเราได้แบ่งตามตำแหน่ง มาให้ติดตามกัน...
ผู้รักษาประตู - แอนโทนิน ทริเลส (ฝรั่งเศส)
นายด่านชาวฝรั่งเศส เข้ามาสร้างชื่อในวงการฟุตบอลไทยกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ยุคของ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ ในฤดูกาล 2012 โดยมี “มหาโต” นิพนธ์ มาลานนท์ ยอดโค้ชผู้รักษาประตูเมืองไทย ช่วยปลุกปั้น… ทันทีที่ย้ายมา เขาโชว์ฟอร์มหนึบเซฟเป็นว่าเล่นจนมีส่วนสำคัญพา “แข้งเทพ” ทะยานกลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง นอกจากนี้ยังคว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมในปีดังกล่าวมาครองได้อีกด้วย
แอนโทนิน แจ้งเกิดในการค้าแข้งที่ไทยอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้นบนลีกสูงสุด เขาไม่สามารถช่วย “แข้งเทพ” ต้านทานเกมบุกคู่แข่งได้ไหว เสียประตูเยอะ และจบลงด้วยความพ่ายแพ้เป็นส่วนใหญ่ กระทั่งทีมจบอันดับ 13 ของตาราง มีแต้มห่างจากโซนตกชั้นเพียง 2 คะแนน ก่อนจะปิดฉากการค้าแข้งในไทย และย้ายไปอยู่กับ เอ็นเค ดอมซาเล ในลีกสูงสุดของสโลวีเนีย ในฤดูกาลต่อมา
กองหลัง - มาริโอ อบรานเต (สเปน)
มาริโอ หอบดีกรีอดีตแข้ง บาเซโลนา, เรอัล บายาโดลิด, เรเกรติโบ อูเอลบา, เกตาเฟ่, เรอัล เบติส และ เรอัล ซาราโกซ่า ย้ายมาสวมชุด “กิเลนผยอง” บนวัย 34 ปี ในปี 2016 ท่ามกลางความคาดหวังจากแฟนบอลว่า จะเป็นปราการหินคนใหม่ โดยในยุคนั้น เมืองทองฯ เต็มไปด้วยแข้งดังล้นทีมทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา, ชนาธิป สรงกระสินธ์, เคลตัน ซิลวา ฯลฯ
แม้จะวัยเข้าหลักสาม แต่เขาไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง เมื่อโชว์การเล่นที่ดุดันเข้าบอลหนักแน่น อ่านเกมขาดพร้อมทำลายเกมรุกคู่ต่อสู้ และมีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมผงาดครองแชมป์โตโยต้า ไทยลีก 2016 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ก่อนต่อมาจะมีอาการบาดเจ็บรบกวน และถูกปล่อยให้ โปลิศ เทโร เอฟซี ยืมใช้งาน ในฤดูกาล 2017 แต่เขายังคงยืนคุมแนวรับได้แข็งแกร่งรักษามาตรฐานได้ดีเยี่ยม
หลังจากนั้นในปี 2018 เขาตัดสินใจยุติเส้นทางค้าแข้งในไทยด้วยสถิติลงเล่น 43 นัด ยิง 2 ประตู หนึ่งแชมป์โตโยต้า ไทยลีก และหนึ่งแชมป์ร่วมโตโยต้า ลีก คัพ และย้ายไปประสบความสำเร็จกับ แอตเลติโก ซาน หลุยส์ ในลีกรองของ เม็กซิโก
กองหลัง - ออสมาร์ อิบันเญซ (สเปน)
หากกล่าว่าเขาคือหนึ่งในกองหลังที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่ไทยลีกเคยมีมาก็คงไม่ผิด…
ออสมาร์ ผ่านการเล่นในลีกสูงสุดกับ ราซิ่ง ซานตานเด ในสเปน ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2012 แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ชื่อของ ออสมาร์ เป็นที่จดจำของแฟนบอลได้ดีจากทักษะการเล่นอันยอดเยี่ยม แข็งแกร่ง และดุดัน ไม่มีผู้เล่นคนไหนจะผ่านเข้าไปได้ง่ายๆ
เขาคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 1 สมัย (2013), แชมป์ มูลนิธิไทยคม และแชมป์โตโยต้าลีกคัพ 2 สมัย (2012, 2013) พร้อมมีส่วนสำคัญช่วยต้นสังกัดสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรก ในศึกเอเอฟซี แชมเปียส์ ลีก เมื่อปี 2013 ก่อนที่ปี 2014 จะย้ายไปเล่นให้ เอฟซี โซล ยอดทีมเกาหลีใต้ และ เซเรโซ โอซากา ตามลำดับ
ปัจจุบัน ออสมาร์ ยังคงโลดแล่นในลีกเอเชีย โดยกลับไปค้าแข้งกับ เอฟซี โซล ซึ่งฤดูกาล 2019 ที่ผ่านมา ลงสนามไป 31 นัด ยิง 4 ประตู พาทีมจบอันดับสามของตารางคะแนนเคลีก
กองหลัง - ดาวิด โรเชลา (สเปน)
เขาเคยผ่านการค้าแข้งในลา ลีกา สเปน กับ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญา ก่อนย้ายมาเล่นในไทยลีกกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2014
การมาของเขาสร้างเซอร์ไพรส์แฟนบอลไทยไม่น้อย เพราะเวลานั้นเคยได้ชื่อว่า "เพ็ชรเม็ดงามของลาคอรุนญา" อีกทั้งยังเคยพาทีมชาติสเปน รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี คว้ารองแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 2007 ที่ประเทศเกาหลีใต้ หลังย้ายมาร่วมทัพเซาะกราว โรเชลา ช่วย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก และรองแชมป์โตโยต้า ลีก คัพ แจ้งเกิดปีแรกทันที
ทว่าปีต่อมาบทบาทเริ่มลดลงไม่สามารถเบียดตัวจริงได้เหมือนเดิม กระทั่งถูกปล่อยไปร่วมทัพ การท่าเรือ เอฟซี ในช่วงเลกสอง หลังจากนั้นอยู่โยงยาวกับ “สิงห์เจ้าท่า” เรื่อยมา ขณะเดียวกันยังสร้างสถิติลงเล่นไทยลีกครอบ 100 นัด กับการเล่นที่ แพท สเตเดียม อีกด้วย
ปีกซ้าย - ดาเนียล การ์เซีย โตติ (สเปน)
มิดฟิลด์ชาวสเปน เริ่มต้นเส้นทางค้าแข้งกับ ซาลามันกา ซึ่งเป็นทีมที่บ่มเพาะฝีเท้าตั้งแต่วัยเด็ก ก่อนจะย้ายร่วมทัพ กรานาด้า ในปี 2011 หลังจากนั้นเขาผ่านประสบการณ์ค้าแข้งในบ้านเกิดโชกโชนทั้งกับทีม กาดิซ, เอร์กูเลส และ อลาเบส
ปี 2015 โตติ เดินทางไกลครึ่งโลกย้ายมาค้าแข้งกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี ทีมดังแห่งศึกไทยพรีเมียร์ลีก เขาเริ่มต้นปีแรกในไทยด้วยผลงานลงสนาม 16 เกม ยิง 1 ประตู ก่อนจะทำผลงานดีขึ้นพร้อมกับจำนวนผลิตสกอร์ที่เพิ่มตามไปด้วย โดยในปี 2016 โตติ มีส่วนช่วย “เดอะ แรบบิท” จบฤดูกาลอันดับ 3 ของตาราง เกือบคว้าโควตาไปเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ
แม้ในปี 2019 ทีมจะตกชั้นไปเล่นในลีกรอง แต่เขายังคงปักหลังค้าแข้งกับสโมสรแห่งนี้ ก่อนจะช่วยต้นสังกัดกลับสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ และยังคงสวมยูนิฟอร์ม “เดอะ แรบบิท” ลงเล่นใน ลีโอ สเตเดียม จนถึงเวลานี้
กองกลาง - อาร์ตูโร อาร์ซู (สเปน)
เขาคือยอดแข้งโปรไฟล์ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ไทยลีกเคยมี…
เจ้าของฉายา "เอล นาซาเรโน่" สร้างชื่อ และประสบความสำเร็จกับการเล่นให้ เรอัล เบติส ยุครุ่งเรือง ผ่านร้อนผ่านหนาวมากมาย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ คิมนาสติก ในปี 2011 ปีต่อเขาสร้างเซอร์ไพรส์เมื่อตัดสินใจยกเลิกสัญญากับต้นสังกัดในสเปน เพื่อย้ายมาหาความท้าทายใหม่กับ บีอีซี เทโรศาสน
แน่นอนว่า การผ่านหนึ่งในลีกที่ดีที่สุดของโลกมาแล้วมากกว่าร้อยนัด ประสบการณ์ของเขาล้นเหลือ ส่วนฝีเท้าก็ไร้ข้อกังขา อาร์ซู วาดลวดลายดั่งมนต์สะกดภายใต้ยูนิฟอร์ม “มังกรไฟ” การเล่นของเขาเนียนตา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผ่านบอลสุดแม่นยำ การอ่านเกมที่ทำได้ยอดเยี่ยม ชั้นเชิงลูกหนังของเขาช่วยยกระดับเกมฟุตบอลไทยได้น่าสนใจ
แต่ด้วยวัยที่มากขึ้น อาร์ซู เล่นให้ บีอีซี เทโรศาสน เพียง 2 ปี ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ด และหันไปรับงานโค้ชในเวลาต่อมา…
กองกลาง - ไมเคิล เบิร์น (เวลส์)
ชื่อของเขาเป็นที่คุ้นหูแฟนบอลไทยอย่างดี นี่คืออดีตแข้งต่างชาติรุ่นแรกๆ ที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับวงการลูกหนังแดนสยาม และเป็นที่ยอมรับในฝีเท้าว่าเก่งกาจไม่แพ้ใคร...
ไมเคิล เบิร์น พ่วงดีกรีไม่ธรรมดาเมื่อเป็นถึงอดีตเยาวชนทีมชาติเวลส์รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี เขาเริ่มต้นค้าแข้งกับ นครปฐม เอฟซี ก่อนจะย้ายไป ชลบุรี เอฟซี ซึ่งเป็นสโมสรที่ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักของแฟนบอลไทยมากขึ้น
หลังสร้างชื่อกระฉ่อนกับ ฉลามชล เขาย้ายไปเล่นกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี ก่อนชีพจรลงเท้าย้ายไปค้าแข้งกับ ชัยนาท เอฟซี, อยุธยา เอฟซี, หัวหิน ซิติ้ ตามลำดับ โดยเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา เพิ่งตัดสินใจปิดฉาก 7 ปี กับการค้าแข้งในไทยบนวัย 30 ปี
ปีกขวา - คาร์เมโล กอนซาเลซ (สเปน)
อดีตยอดแข้งขาวสเปนผ่านการเล่นให้ เลบันเต้, เอร์กูเลส, นูมานเซีย , สปอร์ติ้ง กิฆอน อีกทั้งยังเคยเล่นให้เยาวชนทีมชาติสเปนรุ่นเดียวกับอันเดรส อิเนียสต้า มาแล้ว ก่อนจะหอบประสบการณ์ลูกหนังมาค้าแข้งในไทยครั้งแรกกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2013
เพียงปีแรกกับ “ปราสาทสายฟ้า” เขาวาดลวดลายฝีเท้าได้น่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะทักษะส่วนตัว การประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม โดยเฉพาะจังหวะจบสกอร์ล้วนทำได้ยอดเยี่ยม เขายิงไปทั้งสิ้น 23 ประตู ตลอดการลงสนาม 23 นัดในลีก คว้ารางวัลดาวซัลโวปีนั้นไปครอง
คาร์เมโล กอนซาเลซ ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ บุรีรัมย์ เมื่อพาต้นสังกัดกวาดแชมป์เป็นว่าเล่น ด้วยฝีเท้าอันเก่งกาจเขาถูกยกให้เป็นหนึ่งแข้งระดับตำนานของ “ปราสาทสายฟ้า” ก่อนต่อมาในปี 2015 จะย้ายไปหาความท้าทายใหม่กับ สุพรรณบุรี เอฟซี
อย่างไรก็ตามผลงานกับ ช้างศึกยุทธหัตถี ไม่ได้เปรี้ยงปร้างเมื่อตอนเล่นให้ บุรีรัมย์ จำนวนประตูของเขาเริ่มลดลง ก่อนที่ปี 2016 จะเป็นซีซั่นสุดท้ายของเขาในลีกเมืองไทย และย้ายไปค้าแข้งกับ อัล อิติฮัด ไคลบา ทีมน้องใหม่ในลีกสูงสุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในเวลาต่อมา
มาริโอ ยูรอฟสกี้ (มาซิโดเนีย)
อดีตจอมทัพทีมชาติมาซิโดเนีย ย้ายมาค้าแข้งในประเทศไทยครั้งแรกกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาล 2012 ลีลาการเล่นของเขาเร้าใจ แต่ที่เป็นที่จดจำของแฟนบอลได้ดี คือ ความเกรียนบวกฮาของเขาที่มักโชว์ท่าดีใจการทำประตูแบบแผลงๆอยู่เสมอ
ขณะเดียวกัน มาริโอ ตอบแทนความไว้ใจของ “กิเลนผยอง” ได้คุ้มทุกบาททุกสตางค์ เมื่อเป็นฟันเฟืองสำคัญพาทีมสร้างประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์โตโยต้า ไทยลีก แบบไร้พ่าย มาครองได้ทันทีที่ย้ายมาร่วมทัพ เขาค้าแข้งในถิ่น เอสซีจี สเตเดียม ถึงปี 2015 ก่อนย้ายไปอยู่กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ตามลำดับ
ฤดูกาล 2019 เขาย้ายกลับมาบ้านหลังเดิมอีกครั้งกับ เมืองทองฯ ทว่าฝีเท้าที่ตกลงบวกอาการบาดเจ็บรบกวนทำให้เขาแทบไม่ได้รับโอกาสลงสนาม ก่อนจะถูกปล่อยออกจากทีม และตัดสินใจแขวตสตั๊ดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ปิดฉากการค้าแข้งในไทยที่ 197 นัด ยิง 93 ประตู
ปัจจุบัน มาริโอ ยูรอฟสกี้ เป็นโค้ชทีมเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ของสโมสรที่เขารักที่สุดอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
เซร์คิโอ ซัวเรซ (สเปน)
เขาเติบโตมากับสโมสร ลาส ปัลมาส และไต่เต้าสู่ทีมชุดใหญ่ลงเล่นในเซกุนด้า ซึ่งเป็นลีกรองของ สเปน ก่อนต่อมาในฤดูกาล 2014 จะย้ายมาค้าแข้งกับสโมสร เพื่อนตำรวจ
ในเวลานั้น เขายังเป็นเพียงแข้งโนเนมที่ไม่มีใครรู้จัก อีกทั้งเส้นทางค้าแข้งในไทยก็เริ่มต้นไม่ดีนักเมื่อทีมต้องตกชั้นลงไปเล่นใน ยามาฮ่า ลีก ดิวิชั่น 1 (ไทยลีก 2 ในปัจจุบัน) อย่างไรก็ตาม ซัวเรซ เริ่มแสดงความเก่งกาจออกมาหลังย้ายไปอยู่กับ สงขลา ยูไนเต็ด ยุคของ สมชาย มากมูล ที่เขาแทบจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีม และเป็นผู้เล่นที่ครบเครื่องคนหนึ่ง กระทั่งเกือบพา “วัวชนแดนใต้” ขยับขึ้นไปแย่งพื้นที่ลุ้นเลื่อนชั้นโซนบนของตารางคะแนน
จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงเมื่อ การท่าเรือ เอฟซี ตัดสินใจคว้าตัวมาร่วมทัพ ช่วงแรกเขายังต้องปรับตัวกับทีมใหม่ แต่ก็ใช้เวลาไม่นานก่อนระเบิดฟอร์มเก่งออกมา พร้อมกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของแฟนบอลเจ้าถิ่น
ฤดูกาล 2019 ที่ผ่านมา เขาเพิ่งพา “สิงห์เจ้าท่า” คว้าแชมป์ช้าง เอฟเอคัพ มาครองเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดย ซัวเรซ เป็นผู้ยิงประตูชัยใส่ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี พาทีมคว้าแชมป์ได้สุดยิ่งใหญ่
ดราแกน บอสโควิช (มอนเตเนโกร)
ดราแกน บอสโควิช เริ่มต้นค้าแข้งที่เมืองไทยกับ สุพรรณบุรี เอฟซี เป็นสโมสรแรก ก่อนจะโด่งดังสุดขีดหลังย้ายไปอยู่กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2015
“โบเล” เปรียบเสมือนเครื่องจักรสังหารประตู เขามีทั้งความแข็งแกร่ง ความเฉียบขาดในการจบสกอร์ การตัดสินใจที่ดี ที่เป็นส่วนสำคัญให้เขาพังสกอร์คู่แข่งเป็นว่าเล่น โดยในฤดูกาล 2017 เขาถล่มสกอร์ไปมากถึง 38 ประตู คว้ารางวัลดาวซัลโวปีนั้นไปครอง
ด้วยฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมทำให้เจ้าบุญทุ่มในเวลานั้นอย่าง การท่าเรือ เอฟซี คว้าตัวเขามาร่วมทัพ และก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อยิงไป 21 ประตู จาก 33 เกม พา “สิงห์เจ้าท่า” ทะยานจบอันดับสามของตารางคะแนน และเป็น 1 ใน 8 นักเตะที่ยิงถึง 100 ประตู ในลีกสูงสุดของไทย
อย่างไรก็ตามในปีต่อมา ฟอร์มการเล่นของเขาไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเคย ก่อนจะถูกปล่อยออกจากทีมในเลกสอง โดยฤดูกาล 2020 “โบเล” หวังพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง หลังหิ้วสตั๊ดไปทดสอบฝีเท้ากับ ชลบุรี เอฟซี ก่อนจะได้รับการเซ็นสัญญาในที่สุด
สำรอง
โจนาธาน มาติยาส (ฝรั่งเศส)
อดีตนายด่านชาวฝรั่งเศส เคยเล่นให้กับ ภูเก็ต เอฟซี ลีลาเหินหาวของเขาเป็นที่จดจำ และชื่นชอบของแฟนบอลได้ดีก่อนจะมีโอกาสย้ายไปค้าแข้งกับ สงขลา เอฟซี ในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตามชีพจรเริ่มลงเท้า มาติยาส กลายเป็นแข้งไร้สังกัดในช่วงเลกสองของฤดูกาล 2012 แต่เขายังคงมุ่งมั่นหวังกลับมาสร้างชื่ออีกครั้งในลีกเมืองไทย แต่โอกาสมาถึงอีกครั้ง เมื่อได้เซ็นสัญญาร่วมทีม "วัวชนแดนใต้" สงขลา ยูไนเต็ด สโมสรดังแห่งศึกไทยพรีเมียร์ลีก
และนั่นเป็นสโมสรสุดท้ายของเขาในไทย ก่อนจะอำลาลีกฟุตบอลที่เขารักไปแบบเงียบๆ
ดาร์โก ทาเซฟสกี้ (มาซิโดเนีย)
ดาวเตะชาวมาซิโดเนีย ย้ายมาเล่นในไทยครั้งแรกกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน) ในฤดูกาล 2014 ซึ่งเพียงปีแรกกับ “เดอะ แรบบิท” เขามีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์ช้าง เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จ ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ สุพรรณบุรี เอฟซี ในปี 2016
ฤดูกาล 2017 ทาเซฟสกี้ บอกลาลีกสูงสุดย้ายลงไปเล่นกับ ขอนแก่น เอฟซี ในลีกรอง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ก่อนจะตัดสินใจปิดฉาก 5 ปี กับการค้าแข้งในเมืองไทยเพื่อกลับไปเล่นในลีกบ้านเกิด โดยเขาฝากผลงานไว้ทั้งสิ้น 119 นัด ยิงไป 36 ประตู ในการเล่นให้ทุกสโมสร
ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ (ฝรั่งเศส)
นับเป็นหนึ่งในดีลสุดฮือฮาของวงการฟุตบอลไทย เมื่อ ชัยนาท ฮอร์นบิล คว้าตัวดาวยิงชาวฝรั่งเศส มาร่วมทีมตั้งแต่ปี 2016
เขาผ่านประสบการณ์ค้าแข้งในยุโรปโชกโชน โดยเฉพาะกับการเล่นให้ ลิเวอร์พูล ปงโกลล์ กลายเป็นขวัญใจแฟนบอล “นกใหญ่พิฆาต” อย่างรวดเร็ว จากลีลาการยิงประตูที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในตัวเขา เหนือสิ่งอื่นใดคือความรัก และซื่อสัตย์ต่อสโมสร เพราะหลังทีมตกชั้นลงไปเล่นใน M-150 แชมเปี้ยนชิพ เขายังคงอยู่ช่วยทีมจนเลื่อนชั้นกลับมาได้สำเร็จอีกครั้ง
โดย ปงโกลล์ เพิ่งแยกทางกับ ชัยนาท ฮอร์นบิล เมื่อปี 2018 ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปีที่ผ่านมา
บียอร์น ลินเดห์มัน (เยอรมัน)
เขาไต่เต้าจากทีมเยาวชนของ ฮันโนเวอร์ 96 ก่อนจะได้รับโอกาสลงเล่นทั้งระดับลีกา 2 และ ลีกา 3 กับสโมสร มักเดบวร์ก, พาเดอบอร์น, ออสนา บรูค และ คาร์ล ไซส์ เยนา โดยฤดูกาล 2012 ย้ายมาค้าแข้งในไทยครั้งแรกกับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด
ปีแรกในไทยลีก ลินเดห์มัน ซัดไป 8 ประตู จากการลงสนาม 28 นัด เขาคือแนวรุกคนสำคัญของทีมที่จะขาดไม่ได้ แต่ต่อมาถูก สุพรรณบุรี เอฟซี กระชากตัวไปร่วมทัพตามด้วยนครราชสีมา เอฟซี ฟอร์มการเล่นของเขาดีวันดีคืน จนถูกตั้งฉายาว่า “คิงบียอร์น”
แต่ด้วยวัยที่มากขึ้น เขาไม่ได้เร็ว และแกร่งเหมือนเก่า ลินเดห์มัน ย้ายไปค้าแข้งกับ ราชนาวี เอฟซี และ ศรีสะเกษ เอฟซี ก่อนจะบอกลาไทยลีกกลับไปค้าแข้งบ้านเกิดกับ เอเกสทอร์ฟ ทีมดิวิชั่น 4 เยอรมัน เมื่อปลายปี 2017
ซิสโก ฆิเมเนซ (สเปน)
ซิสโก ผ่านประสบการณ์ค้าแข้งบ้านเกิดที่สเปนอย่างโชกโชน ก่อนจะออกมาสร้างชื่อโด่งดัง นิวคาสเวิล ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ฤดูกาล 2016 เขาย้ายมาค้าแข้งในไทยกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งเพียงปีแรกก็มีส่วนสำคัญช่วยต้นสังกัดคว้าแชมป์โตโยต้า ไทยลีก มาครองได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามจำนวนการผลิตสกอร์ของเขายังไม่สามรถตอบโจทย์ “กิเลนผยอง” ได้มากพอ โดยหมดสัญญากับทีมจึงตัดสินใจย้ายกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดอีกคร้งกับ โอซาซูนา
ปัจจุบัน ซิสโก ค้าแข้งอยู่กับ เปญารอล ในลีกอุรุกวัย