ภูธรสตาร์ : "มิสเตอร์แชมเปี้ยนส์ลีก" ฉัตรชัย นาควิจิตร

ฉัตรชัย นาควิจิตร เอ่ยชื่อนี้หลายคนคิดว่า อาจจะเลิกเล่นไปแล้ว หลังไม่ได้ปรากฎชื่อบนสารบบลูกหนังระดับสูงของไทยมาช้านาน

แต่สำหรับคอบอลภูธร นี่คือตำนานอย่างแท้จริง โดยเฉพาะโซนภาคเหนือ เพราะเขาไปที่ใด การันตีได้เลยว่าทีมนั้นๆ แทบจะกำตั๋วเลื่อนชั้น ไม่ก็ไปเล่นรอบแชมเปี้ยนส์ลีกแน่ๆ

ในวัย 34 ปี เขายังคงทำหน้าที่ของตัวอย่างซื่อสัตย์กับภารกิจการนำ อุตรดิตถ์ ศักดิ์สยาม ไปโลดแล่นบนเวทีลีกพระรองให้ได้เสียที

และนี่คือเรื่องราวของอดีตวันเดอร์คิดลูกหนังไทยคนนี้...

-

เส้นทางลูกหนังของเจ้าตัว เริ่มต้นในวัยเด็ก เด็กหนุ่มจากเมืองสุโขทัย เริ่มฉายแววการเป็นนักฟุตบอลที่เก่งตั้งแต่เล่นที่ โรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม ก่อนที่ฝีเท้าจะไปเตะตา "สิงห์ปากน้ำ" โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จนถูกดึงตัวไปเป็นนักเรียนทุนโควต้านักกีฬา

ที่นั่น เขากลายเป็นตัวหลักของฟุตบอลโรงเรียน ไม่ว่าจะรายการได้ จะฟุตบอลหรือฟุตซอล เจ้าตัวยิงระเบิดเถิดเทิงทั้งที่แบกอายุ และพา สิงห์ปากน้ำ คว้าแชมป์ฟุตบอล 7 สีได้ ในปี 2005 พร้อมๆ กับเป็นดาวซัลโวในคราวนั้นอีกด้วย และจากฟอร์มโหดๆ นี้เอง ทำให้ บีอีซี เทโร ศาสน จับเขาเซ็นสัญญาทันทีตั้งแต่ยังไม่จบมัธยมปลายดี

แต่ขึ้นชื่อว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน

-

พลันที่ หนุ่ม สุขสมหวังกับการได้แชมป์และได้เซ็นสัญญากับยอดทีมของเมืองไทยในตอนนั้น เขาต้องแลกกับอาการบาดเจ็บหนัก ในช่วงชีวิตเริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลของเขาเอง

"ปีที่ได้แชมป์ 7 สี จังหวะนั้นมัน 50-50 จังหวะเราจิ้มบอลไปแล้วโดนเสียบจากด้านหลังมันเลยหัก แต่มันเป็นหักที่รับไหวอยู่ เรารีบกลับมาหายและเซ็นสัญญากับเทโรทีมแรก แต่พอซ้อมได้ 2-3 เดือน เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด ยืมตัวมาในดิวิชั่น 2"

"พอหมดเลกแรก เทโร ดึงตัวกลับ ตอนนั้นเปลี่ยนตัวลงไปได้ 10 นาที วันนั้นเล่นที่สนาม สพล.ชลบุรี ตอนนั้นเป็นของ การไฟฟ้าฯ บอล 50-50 ก็บวกแล้วหักเลย มันเป็นครั้งที่คิดว่ากลับมาเล่นบอลไม่ได้อีกแล้ว" ฉัตรชัย กล่าวถึงอาการบาดเจ็บในครั้งนั้น

อาการบาดเจ็บในครั้งนั้น ยิ่งทำให้เขาในวันที่เป็นดาวรุ่งแทบไม่โอกาสลงสนาม ทำให้ หนุ่ม ตัดสินใจกลับสู่ดินแดนเหนือสุดในสยาม อย่าง เชียงราย ยูไนเต็ด ในวันที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวในระดับลีกภูมิภาค ก่อนจะประสานงานกับ วัชรกร ไกลถิ่น พาทีมเลื่อนชั้นสู่ ดิวิชั่น 1 และเลื่อนชั้นสู่ไทยลีกได้สำเร็จ

-

แต่เขาว่าชะตาคนเรา บางสิ่งอาจจะไม่สมกันแม้มันจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า

ด้วยศักยภาพทีมที่ใหญ่ขึ้น บทบาทของ ฉัตรชัย ในถิ่นเชียงราย เริ่มน้อยลง แต่ชีวิตพ่อค้าแข้ง จำเป็นต้องเดินหน้าต่อ นั่นทำให้เขาถูกส่งตัวไปเล่นที่ เชียงใหม่ เอฟซี ในปี 2013 ก่อนระเบิดฟอร์มเป็นดาวซัลโว พา พยัคฆ์ล้านนา เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 โดยเป็นเจ้าของผลงาน 35 ประตู

และดูเหมือนว่า "เชียงใหม่" จะเป็นดินแดนที่เขาประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยหลังจากหมดสัญญากับ เชียงราย ยูไนเต็ด เขาย้ายไปเล่นกับ ลำปาง เอฟซี ก่อนที่ปี 2017 เขาจะพา เจแอล เชียงใหม่ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ไทยลีก 3 และ ไทยลีก 4 ชนิดปีต่อปี

กระทั่งปี 2019 ฉัตรชัย เดินทางอีกครั้ง โดยลงไปเล่นกับ เกาะขวาง เอฟซี และยังคงคุณภาพด้วยการยิงไปถึง 20 ประตู พาทีมไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก

2020 เขากลับไปเล่นในโซนเหนืออีกครั้งกับ พิษณุโลก เอฟซี และพาทีมกลับไปเล่นในรอบแชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ โดยยิงไป 10 ประตู ก่อนจะลงหลักปักฐานอีกครั้งกับ อุตรดิตถ์ ศักดิ์สยาม เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และทำไป 14 ประตู ในฤดูกาลแรก

-

แม้จะไม่ใช่ดาวเตะที่เล่นลีกสูงสุดจนโดดเด่น แต่ผลงานตลอด 16 ปีบนเส้นทางลูกหนังไทย ไม่มีใครสงสัยถึงฝีเท้าและคุณภาพที่พาทีมไปเล่นในลีกที่สูงขึ้นได้

ฉายา "เทพเจ้าลีกล่าง" จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง และจะเป็นแข้งอีกคนที่จะถูกจารึกเป็นตำนานของลีกภูธรต่อไป