ภูธรสตาร์ : เรือใบลำน้อยผู้ต้านมรสุม - ชิษณุพงษ์ พิมพ์สังข์ (หัวหิน ซิตี้)

เมืองหัวหิน เมืองตากอากาศยอดฮิตอีกเมืองของไทย ที่มีเสน่ห์ชวนหลงไหล และดึงดูดชาวต่างชาติ ให้มาสัมผัสบรรยากาศชายทะเลอ่าวไทยที่สวยงามและน่าประทับใจ

เช่นเดียวกัน ที่แห่งนี้มีทีมฟุตบอลที่น่าภาคภูมิใจ อย่าง หัวหิน ซิตี้ หนึ่งในทีมแกร่งแห่ง ไทยลีก 3 โซนภาคตะวันตก ที่กำลังมีลุ้นตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีก เพื่อเป็นบันไดสู่การก้าวไปเล่นในไทยลีก 2 ทำให้เกมที่สนามเขาตะเกียบ มิเพียงแค่แฟนบอลชาวหัวหินที่ให้กำลังใจ แต่ยังมีแฟนบอลชาวต่างชาติ เข้ามาร่วมเชียร์ และกลายเป็นกำลังลมพาเรือใบสีขาว แล่นฝ่าคลื่นลมบนสมรภูมิลูกหนัง

เฉกเช่นเดียวกับ "เจ้าแพท" ชิษณุพงษ์ พิมพ์สังข์ กองหน้าดาวรุ่งของ หัวหิน ซิตี้ ที่มีชีวิตไม่ต่างกับเรือใบลำน้อย ที่รอออกจากฝั่ง หลังเริ่มต้นเดบิวต์ลูกหนังอาชีพในวัย 18 ปี เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมากับ นนทบุรี ยูไนเต็ด ส.บุญมีฤทธิ์ แต่กับการก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมในวัยยังไม่แตะเบญจเพสดี นี่คือบทพิสูจน์ที่ท้าทายอีกครั้ง ในวันที่เขาต้องไขว่คว้าหาโอกาส

-

ย้อนกลับไปในช่วงชีวิตของ แพท เขาไม่ต่างกับเด็กหนุ่มเลือดศรีสะเกษทั่วไป ที่หลงไหลกับกีฬาฟุตบอล และมีชีวิตครอบครัวที่ไม่สุขสบายมากนัก เมื่อพ่อของเขาจากไป ในวันที่ แพท ยังจำความไม่ได้ ทำให้แม่ของเขา ต้องทำหน้าที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ด้วยการขายขนมหวาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทางบ้านเอง ก็ยังสนับสนุนให้ แพท เติบโตต่อบนเส้นทางลูกหนัง โดยมีคุณลุงของเขา สอนทักษะฟุตบอลและฝึกฝีเท้าขั้นต้นให้กับเขา

และด้วยฝีเท้าที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้เป็นนักฟุตบอลตัวแทนของหมู่บ้าน เรื่อยมาจนได้ติดตัวผู้เล่นของโรงเรียนประจำจังหวัด อย่าง "ศรีสะเกษวิทยาลัย" ในฐานะนักฟุตบอลโควต้า ซึ่งความสำเร็จที่พอจะภูมิใจได้ คือการคว้ารองแชมป์ฟุตบอลไพรม์ มินิสเตอร์ คัพ ในรอบระดับภาคอีสานเท่านั้น

กระทั่งช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ประกาศคัดตัวของ โรงเรียนราชวินิตบางเขน ทำให้เขาสนใจและลองเสี่ยงอีกสักครั้ง ซึ่ง แพท เล่าให้ฟังว่า เกือบที่จะไม่ได้ไปคัดตัวอยู่แล้ว จากการที่เพื่อนๆ ที่อุตส่าห์นัดกันมา ดันไม่ร่วมวงด้วย และเป็นตัวเขากับแม่ ที่ต้องเดินทางกว่า 3 กิโลเมตร สู่จังหวัดมหาสารคาม ในการคัดตัว

ซึ่งจากฝีเท้าของ แพท เอง ทำให้ผ่านการคัดเลือกและกลายมาเป็นส่วนหนึ่ง ของแข้ง “ปีศาจร้ายบางเขน” และ ศรีสมาน เอฟซี ที่ร่วมเป็นพันธมิตรกัน ในตำแหน่ง “กองหน้า”

กับการเข้ากรุงเทพฯ ครั้งแรก แพท เล่าว่า ความกดดัน ถาโถมให้เขาเล่นไม่เป็นตัวเอง จนกระทั่งปีต่อมา เขาเริ่มปรับตัวได้ โดยใช้ “อนาคต” เป็นแรงบันดาลใจให้เขาเดินหน้าสู้ต่อ เพื่อ “ครอบครัว” และ “ชีวิต” แม้ว่าในบางครั้ง จะถูกจับมาเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัดอย่าง “กองหลัง” ซึ่ง แพท มองว่าได้เรียนรู้ในการอ่านเกมมากขึ้น โดยมีทักษะความเป็นกองหน้าติดตัวในการอ่านจังหวะ

แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่าโอกาสของเขาในหลังจากนั้น….

-

วันหนึ่ง ศรีสมาน เอฟซี ต้นสังกัดของ แพท ในเวลานั้น ลงทีมอุ่นเครื่องกับ โรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย ซึ่งมีทีมงานสตาฟฟ์ของนนทบุรี ยูไนเต็ด ส.บุญมีฤทธิ์ เข้ามาส่องฟอร์ม และโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ จนเข้าตาทีมงานของ “เดอะ บิ๊กแบร์” กระชากตัวเข้าสังกัดในวันที่เขา จบ ม.6

ในระบบฟุตบอลอาชีพ แพท ถูกเคี่ยวกร่ำอย่างหนักหน่วงจากบรรดาทีมงานสตาฟฟ์โค้ช จนกระทั่งโอกาสการลงสนามมาถึง ในเกมที่ทีมพบกับ เกร็กคู สายไหม ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2021 ณ นาทีที่ 84 อับดุล คูลิบาลี่ กุนซือของทีมส่งเขา ลงสนามแทนที่ของ สิทธิชัย แสงจันทร์ และในการประเดิมสนาม

และเขาก็ไม่ทำให้แฟน เดอะ บิ๊กแบร์ ผิดหวัง เมื่อเบิกสกอร์แรกบนลีกอาชีพ ในนาทีที่ 90+4 ซึ่งแม้ว่าในเกมนั้น ต้นสังกัดจะพ่ายไป แต่นั่นเป็นการประเดิมที่ไม่เลว โดยในปีนั้น ลงสนามไป 16 นัด (181 นาที) ยิงไป 3 ประตู มองดูเหมือนจะน้อย แต่นั่นคือการเรียนรู้จังหวะฟุตบอลอาชีพและต่อยอดมาสู่ฤดูกาลนี้

-

กับซีซั่น 2022/23 การย้ายมาอยู่กับ หัวหิน ซิตี้ แพท มองว่า เป็นความท้าทายครั้งสำคัญ เพราะการโยกย้ายอีกครั้ง พร้อมๆ กับการเป็น “รุ่นพี่” ในทีม ทำให้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก กับอีกหนึ่งทีมที่เคยไปถึงรอบแชมเปี้ยนส์ลีกมาแล้ว

ซึ่ง ณ เวลานี้ เขาทำไป 9 ประตู จาก 14 เกมที่ลงสนาม และช่วยทีมมีลุ้นในพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้ง จุดนี้ ยิ่งทำให้เขา อยากที่จะทำเพื่อทีมให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะยกระดับตัวเองและทีมไปสู่เป้าหมาย

“ตอนนี้มองว่า อยากไปแชมเปี้ยนส์ลีก เราไม่ได้อยากทำเพื่อตัวเอง แต่อยากทำเพื่อทีมมากกว่า เพราะถ้าทีมมันดี มันก็ส่งผลให้ช่วยเราในตัวไปด้วย”

“ตอนนี้ ยังอยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ แต่อยากติดทีมชาติในอนาคต ตอนนี้ในความคิดส่วนตัวผม สมมุติว่าถ้ามีทีมใหญ่ๆ มาติดต่อ ผมยังอยากพัฒนาตัวเองไปก่อน ยังไม่อยากรีบขึ้นไป เพราะเรายังมีเวลาให้เราพัฒนา เก็บเกี่ยวอีกเยอะ บางทีให้เราขึ้นไป แต่เราไม่มีโอกาสให้ทำผลงาน มันก็เหมือนหยุดเราเอาไว้ อยากทำทุกวันให้มันดี” ดาวยิงตัวเก่งของทัพเรือใบสีขาว กล่าวกับเราในส่วนนี้

แม้เรือใบลำน้อยนี้จะผ่านแดดลมคลื่นฝนยังไม่มาก แต่ด้วยความกระหาย และความตั้งใจ แน่นอนว่าจะสอดประสานให้ ชิษณุพงษ์ พิมพ์สังข์ ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้น จนพร้อมที่จะเป็นเรือใบ ที่ทนทานแดดลมพายุฝน สู่การเป็นนักฟุตบอลระดับไทยลีกให้ได้ในสักวัน

-----